AUBE สถานที่มินิมอลพร้อมสถาปัตยกรรมสุดเก๋ เติมเสน่ห์ให้ทุกงานแต่ง
เดิมทีบาสและบิว (เจ้าบ่าว) ตั้งใจจัดงานที่ต่างจังหวัด แต่ด้วยปัจจัยต่างๆ รวมถึงมาตรการโควิด-19 ในช่วงนั้น เลยเปลี่ยนใจมาจัดงานที่กรุงเทพ และเลือก AUBE(โอบ) เพราะเล็งไว้ตั้งแต่เห็นเขาเปิดใหม่ๆ พอไปดูที่จริงก็ยิ่งถูกใจ และตกลงเลือกที่นี่ตั้งแต่วันนั้นเลย เพราะสถานที่สวยจริง แถมมีทั้งส่วนอินดอร์ และเอาท์ดอร์ได้บรรยากาศที่หลากหลาย อีกทั้งบาสยังชอบในความเป็นส่วนตัว ที่วันจัดงานไม่ต้องแบ่งพื้นที่กับใคร เราได้ไปเลยงานเดียวทั้งวันค่ะ
ชูแนวคิดการตกแต่งเน้นธรรมชาติผสานโทนสี Green Forest
ด้วยความที่เราสองคนชอบท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ ทั้งต่างจังหวัด และต่างประเทศ ก็เลยได้แนวคิดว่าจะเน้นความเป็นธรรมชาติ ตกแต่งด้วยต้นไม้ใบหญ้าโดยใช้ของจริงถึง 90 เปอร์เซนต์ ฉะนั้น โทนสีหลักจึงลงตัวที่สีเขียวเข้มโทน Green Forest ค่ะ ซึ่งเราเลือกตกแต่งในธีมเดียวทั้งงานหมั้นเช้าและงานฉลองเย็นเลย
ในเรื่องของการตกแต่งนั้นมี 4 จุดหลักด้วยกันค่ะ โดยส่วนเอาท์ดอร์ จะมีภาพถ่ายขนาดใหญ่ภาพเดียว แต่งเพิ่มด้วยกิ่งไม้ใบหญ้าให้เข้าธีม และตั้งตรงผนังสานโลหะของ AUBE ซึ่งสำหรับที่นี่ เพียงแค่เลือกหามุมวางให้เหมาะก็ช่วยทำให้การตกแต่งดูมีรายละเอียดมากขึ้นแล้วค่ะ ต่อมาก็เป็นฉากแบ็คดร็อปถ่ายภาพที่ตั้งใจให้เป็นจุดรับตัวเจ้าสาวด้วย
สำหรับในห้องหมั้นและห้องจัดเลี้ยง ฉากเวทีมีการตกแต่งคล้ายกัน คือ ฉากด้านหลังจะใช้ภาพท้องฟ้า Vanilla Sky ที่บาสชอบพิมพ์ลงบนผืนผ้า จากนั้นก็ไดคัทรูปทรงไปตามโครงเหล็กดัด ประดับด้วยกิ่งไม้และใบสีเขียว เพิ่มไฟดวงกลมให้แสงสว่าง แต่งานฉลองจะอลังการมากกว่าตรงที่ตัวอักษรย่อ B (บาส-บิว) จะมีขนาดใหญ่เท่าตัวคน ใช้สติกเกอร์เคลือบเงาโครเมียม โดยต้องการสื่อว่าบาสชอบแสงเทียน หรือเงาสะท้อนของวัตถุ
นอกจากฉากเวที งานนี้เราจัดรูปแบบโต๊ะยาวแบบ Long Table ที่ประดับด้วยเทียนปลอมและดอกไม้เพื่อให้ดูอบอุ่นขึ้นด้วยค่ะ
เปลี่ยนฉากแบ็คดร็อปถ่ายภาพธรรมดา ให้กลายเป็นมุมดิสเพลย์สวยๆ
จุดนี้ก็เป็นอีกมุมที่บาสชอบมากๆ เพราะโทนสีและการออกแบบเข้ากันได้ดีกับสถานที่ นอกจากนี้ เราไม่ใช้ฉากแบ็คดร็อปถ่ายภาพแบบแบน ๆ ไม่มิติ แต่สร้างเป็นมุมดิสเพลย์สวย ๆ ขึ้นมา ซึ่งทีมตกแต่งได้ออกแบบให้คล้ายทรงกล่อง แล้วเลือกวางตรงพื้นที่เปล่าซึ่งเป็นช่องที่เดินทะลุได้ โดยด้านหน้าของฉากตกแต่งด้วยต้นไม้ใบหญ้า มีเล่นระดับด้วยการทำบันไดให้เป็นสเต็ปที่สามารถยืนหรือนั่งก็ได้ ส่วนฉากด้านหลัง นอกจากประดับตัวย่อชื่อบ่าว-สาวแล้ว ก็ยังใช้ภาพวิวที่บิวชอบ เป็นถนนคดเคี้ยวเลียบขนาบไปกับแม่น้ำให้อารมณ์เป็นธรรมชาติมากขึ้นค่ะ
จัดครบ พิธีหมั้น งานฉลอง และ อาฟเตอร์ปาร์ตี้ แหล่งรวมความอบอุ่น สุข สนุกขั้นสุด
เราใช้ห้องนี้ห้องเดียวในการทำแต่ละพิธี โดยจัดวางคนละฝั่งเอา ซึ่งถ้าพูดถึงงานหมั้นเช้า เราเริ่มต้น ด้วยพิธีสงฆ์ ทำบุญเลี้ยงพระ จากนั้น เจ้าบ่าวก็ตั้งขบวนแห่ขันหมาก รับตัวเจ้าสาว มอบสินสอด ซึ่งช่วงนี้บาสจะแอบไปเปลี่ยนชุด โดยปล่อยให้แขกรับประทานอาหารกันไป มีทั้งข้าวต้มและของว่างพวกคอฟฟี่เบรก จากนั้น กลับมาทำพิธียกน้ำชาต่อก็จบแล้วค่ะ แต่เรายังไม่รื้อถอนฉากเวที เพราะตั้งใจให้แขกที่ไม่ได้มาร่วมงานเช้าสามารถมาถ่ายรูปเล่นได้ด้วย
ส่วนงานฉลอง เริ่มเวลา 18:00 น โดยแขกจะมาถ่ายภาพกันที่ฉากแบ็คดร็อป ลงทะเบียนรับของชำร่วยที่เป็นช้อนส้อม พอได้เวลาเปิดตัวบ่าว-สาว เราสองคนจะเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงผ่านเพื่อนที่ยืนโปรยดอกไม้ จากนั้น ก็มีคุณพ่อคุณแม่มากล่าวความในใจบนเวที และมีเพื่อนมากล่าวสุนทรพจน์ จบแล้วเราถึงเดินลงมาตัดเค้ก โยนดอกไม้ก็เป็นอันเสร็จพิธีเลยค่ะ เราทำเวลาช่วงนี้มาก เพราะอยากให้ถึงอาฟเตอร์ปาร์ตี้เร็ว ๆ ค่ะ (หัวเราะ)
ในขณะที่บาสไปเปลี่ยนชุดเพื่อเข้าสู่ช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ทางทีมงานจะมาย้ายเก้าอี้และโต๊ะจากบริเวณด้านหน้าออกเพื่อให้มีพื้นที่ดื่มและเต้นกัน เมื่อได้เวลา บาสจะเปิดตัวเข้ามาด้วยการเต้นเพลง Got It ของ Marian Hill โดยบิวจะนั่งรอดูบาสอยู่ด้านในอยู่แล้ว ซึ่งพอจบเพลงนี้ ที่เหลือก็มันส์ไปกับเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์และวงดนตรีที่มาเล่นสดค่ะ
สำหรับอาหารจัดเลี้ยง เราเลือกเป็นเซ็ตเมนู มี 4 คอร์สด้วยกัน คือ ซุปเห็ด อาหารเรียกน้ำย่อย อาหารจานหลัก และของหวาน ซึ่งเมนูที่แขกพูดถึงกันมาก ๆ ว่าอร่อย คือเมนูอาหารจานหลักอย่างผัดไทยกุ้งสด ปลาทอดราดซอสมะขามค่ะ
เติมลูกเล่นด้วย 5 ชุดแต่งงาน ให้อารมณ์ที่หลากหลาย เหมือนได้ภาพแฟชั่นเซ็ต
บาสชื่นชอบแฟชั่นและการแต่งตัว พอมีงานแต่งก็อยากจัดเต็มนิดหนึ่ง (หัวเราะ) จึงตัดชุดไว้ทำพิธีต่าง ๆ ถึง 5 ชุดด้วยกันค่ะ โดยมีชุดไทยสำหรับพิธีสงฆ์ ชุดหมั้นสำหรับยกน้ำชา ชุดเจ้าสาว 2 ชุด ไว้สำหรับยืนถ่ายกับฉากแบ็คดร็อปและบนเวที รวมถึงชุดสำหรับอาฟเตอร์ปาร์ตี้ด้วยค่ะ
แม้ว่าในงานจะใส่ถึง 5 ชุดด้วยกัน แต่ไม่มีปัญหาเรื่องเวลาเลย เพราะบาสเป็นคนทำอะไรรวดเร็ว ประกอบกับได้ทีมช่างที่มีความชำนาญ รู้ว่าจะต้องทำอะไร รอบริการอยู่แล้วก็เลยหมดห่วง
แต่หากเจ้าสาวคนไหน อยากใช้ลูกเล่นของการมีหลาย ๆ ชุดบ้าง ก็ต้องดูความพร้อมและความชอบของแต่ละคนด้วย แต่ส่วนตัวมองว่าการมีชุดที่เยอะก็มีข้อดีเหมือนกัน คือ นอกจากจะได้ชุดที่เหมาะกับแต่ละช่วงพิธีแล้ว ยังได้รูปภาพที่หลากหลาย เหมือนถ่ายภาพแฟชั่นเซ็ตเลยค่ะ
สุขใจงานราบรื่นและมีทีมงานช่วยเหลือเป็นอย่างดี
งานวันนั้นเราประทับใจทุกอย่าง เพราะภาพรวมออกมาดีไม่มีปัญหาติดขัด ก็ต้องชื่นชมทุกทีมงานเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นทีมตกแต่ง ช่างภาพ ส่วนทีมออแกไนซ์ก็ดีงาม จัดหาคนดูแลมาประกบตามติดคอยดูแลเสื้อผ้าหน้าผมเราสองคนตลอด
ส่วนในเรื่องของสถานที่จัดงานก็พร้อมมาก พนักงานดูแลและบริการดีไม่มีขาดตกบกพร่อง และอีกอย่างที่บาสชอบ คือ ทาง AUBE จะคอยนัดประชุมรวมทุกทีมเพื่อติดตามงาน ทำให้เห็นความคืบหน้าตลอด เพราะการจัดงานแต่งก็เหมือนงานกลุ่มที่ทุกคนต้องช่วยเหลือกัน เขามีทีมงานมืออาชีพและทำให้เราหมดห่วง และจากสิ่งที่ AUBE ดูแลเรา เราจึงรู้สึกว่าคิดถูกที่เลือกสถานที่นี้จัดงานค่ะ
แนะนำบ่าวสาว
อย่าใจร้อนเกินไป ไม่งั้นอาจพลาดท่า : บ่าว-สาวหลายคู่พอรู้ว่าจะได้จัดงานแต่งย่อมตื่นเต้นเป็นธรรมดา จนบางครั้งอาจส่งผลให้เลือกซัพพลายเออร์บางเจ้าแบบดูข้อมูลไม่ละเอียดหรือไตร่ตรองไม่ถี่ถ้วนจนสุดท้ายอาจทำให้เราเสียใจภายหลัง ดังนั้น อยากให้ใจเย็นในการหาคนมาทำงานด้วยกัน หรืออีกกรณี ถ้าบางเจ้าคุยแล้วไม่ชอบจริงๆ ก็ต้องกล้าที่จะปฏิเสธ ไม่ต้องกลัวเสียหน้า
ออแกไนซ์สำคัญ ก่อนใช้บริการ ต้องนัดคุย : เรามองว่าออแกไนซ์สำคัญต่อการจัดงานพอสมควร เพราะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดความกังวลและทำให้งานสมูทขึ้น อยากให้หาเจ้าที่มีรีวิวเยอะๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ รวมถึงก่อนการจ้างงานอยากให้นัดเจอตัวเป็นๆ เพื่อได้มีโอกาสพูดคุย ทำความรู้จักกันก่อน หากอยากรู้อะไรก็ให้ถามให้สิ้นสงสัยเพื่อจะได้ไม่เกิดความขัดแย้งกันภายหลัง
ทำเช็กลิสต์ จดค่าใช้จ่ายกันงบบานปลาย : การจัดงานแต่งย่อมมีการใช้เงินไปในหลาย ๆ ส่วน เพื่อป้องกันการใช้งบบานปลาย เราควรจดค่าใช้จ่ายเพื่อให้เห็นตัวเงินที่เราจ่ายไป เพราะบางรายการอาจมีแค่ค่ามัดจำล่วงหน้า การจดค่าใช้จ่าย จะทำให้เรารู้ว่าจบงานต้องจ่ายเพิ่มอีกเท่าไหร่ ขาดตรงไหน อีกทั้งยังช่วยป้องกันการลืมได้ดีด้วย
แนวคิดงานแต่งควรแสดงความเป็นตัวเอง : แน่นอนว่าการจัดงานแต่ง เราอ้างอิงสไตล์จากงานของคนอื่นได้ แต่ไม่อยากให้ลอกเลียนแบบ 100 เปอร์เซนต์ อยากให้นำมาใช้เป็นแนวทาง และใส่ความเป็นเราเข้าไปมากกว่า เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี หากคิดถึงงานแต่งงานแล้วย้อนกลับมาดูภาพ มันก็จะยังเป็นงานที่สวยแบบมีเอกลักษณ์และสะท้อนความเป็นเราอยู่ในนั้น