รีวิวงานแต่ง 50 คน พร้อมวิธีจัดการแขก หลังแจกการ์ดไปแล้ว 300 ใบ! @ Hyatt Regency Bangkok Sukhumvit

Hyatt Regency Bangkok Sukhumvit สถานที่แต่งงานใจกลางเมือง มีธรรมชาติสวย

       เราแต่งงานที่ Hyatt Regency Bangkok Sukhumvit (ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท) ค่ะ เหตุผลหลักที่เลือกที่นี่เพราะอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก แล้วสถานที่มีความสวยงาม มีการจัดให้มีธรรมชาติ ร่มรื่น ดูผ่อนคลายอยู่ในตัวโรงแรม ในส่วนของ Rooftop ก็มีวิวที่สวยมาก เราสามารถขึ้นไปถ่ายรูปได้ด้วย ห้องต่างๆ ก็สวย มีห้องทำพิธีที่รับแสง Daylight ได้ เราจัดงานตอนกลางวันจึงคิดว่างานน่าจะออกมาสวยดีค่ะ

       ที่สำคัญเรายังจะได้พื้นที่ทั้งชั้นเป็นของเรางานเดียว ไม่ต้องกลัวปะปนกับงานคนอื่น ภายในชั้นก็มีหลายห้องให้เลือกใช้ ทั้งห้องทำพิธีและทานเลี้ยง ให้อารมณ์เหมือนจัดงานอยู่ในบ้านเลย ในเรื่องของเซอร์วิส พนักงานมีความเป็นกันเอง อบอุ่น มีความใส่ใจ และมีมาตรฐาน คุณภาพที่ดี ทุกอย่างของที่นี่ถูกใจเราเลยค่ะ

ปรับตัวตามสถานการณ์ ยกเลิกการ์ดเชิญแบบทุกคนยังแฮปปี้

       ยิ่งใกล้วันแต่งงาน สถานการณ์ COVID 19 ก็ยิ่งวิกฤติเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นความกังวลของญาติผู้ใหญ่และแขกผู้มีเกียรติที่จะมาร่วมงาน เราจึงได้สอบถามถึงวิธีจัดงาน การจัดอาหาร และมาตราการความปลอดภัยต่างๆ กับทางโรงแรมเพื่อหาวิธีรับมือ

       ซึ่งเราและทาง Wedding specialist ของโรงแรมได้ทำแผนการรับมือร่วมกัน โดยได้ปรับลดจำนวนแขก 300 คน ลงเหลือ 100 คน และเตรียมเสิร์ฟแบบ Individual Set Lunch โดยทำการ Confirm ญาติสนิทและครอบครัวที่ยังคงจะมางาน นอกจากนี้ก็มีการเพิ่มกฎให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เช่น จัดที่นั่งห่างกัน กำหนดให้ทุกคนใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ทุกคนก็ให้ความร่วมมืออย่างดีค่ะ

       แต่ในที่สุดก่อนวันงานเพียง 1 วัน ได้มีประกาศให้จัดงานเลี้ยงได้ไม่เกิน 50 คน ซึ่งตรงนี้มีปัญหานิดหน่อย เนื่องจากตอนแรกเราแจกการ์ดไปแล้ว 300 ใบ ดังนั้นจึงต้องมาดูถึงความเหมาะสมและวิธีที่แขกจะโอเคเมื่อเราขอยกเลิกการเชิญค่ะ     

       เราตัดสินใจเชิญเฉพาะญาติ เพื่อนบ่าวสาวและครอบครัว โดยเราจะแจ้งแขกว่าเพื่อความปลอดภัยตามสถานการณ์ขออนุญาตจัดงานภายในครอบครัว และได้ส่งของชำร่วยขอบคุณไปให้ทางไปรษณีย์แทน ซึ่งทุกคนก็เข้าใจ ไม่ได้มีปัญหา แล้วยังแฮปปี้ ดีใจที่เราส่งของให้ด้วยนะคะ ฝ่ายเราเองก็สนุก เพราะก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาแพ็คของส่งกันแบบนี้ค่ะ (หัวเราะ) 

       งานของเราเป็นแบบหมั้นเช้าเลี้ยงเที่ยง ใช้ห้องทำพิธี 2 ห้อง ห้องทานเลี้ยง 1 ห้อง แล้วก็มีใช้ส่วนโถงกลางสำหรับรับแขกค่ะ โดยในส่วนห้องทำพิธีสงฆ์ทางโรงแรมจะจัดให้ทุกอย่างเลย ตั้งแต่โต๊ะหมู่บูชา อุปกรณ์ทำพิธี อาสนะพระ เก้าอี้แขก รวมถึงการประดับดอกไม้ ส่วนห้องหมั้นทางโรงแรมกับทีมตกแต่งจะช่วยกันจัด โดยได้เพิ่มดอกไม้ให้ดูเต็มมากขึ้น ทั้ง 2 ห้อง ดูสวยงาม เรียบร้อยเลยค่ะ

       ในส่วนของโถงกลาง เนื่องจากมีการปรับขนาดงานให้เล็กลง ประกอบกับสถานที่มีความสวยงามอยู่แล้ว เราจึงตัดสินใจตัดแกลอรี่ออกไป เหลือไว้แค่โต๊ะลงทะเบียนกับ Backdrop ที่ปรับขนาดให้เล็กลงเท่านั้น โดยจะตกแต่งเน้นสี Rose Gold เป็นหลัก แล้วใช้ดอกไม้ประดับตามจุดต่างๆ และเพิ่มความดูแพงด้วยคริสตัล ซึ่งในห้องจัดงาน เวทีกับโต๊ะเค้กก็จะตกแต่งด้วยดอกไม้และคริสตัลเหมือนกันค่ะ

       สำหรับการจัดเลี้ยงเราก็ได้ปรับจากตอนแรกที่ต้องการจัดเป็นค็อกเทลบุฟเฟ่ต์เปลี่ยนเป็นนั่งทานที่โต๊ะและปรับอาหารเป็น Set Menu อาหารไทย โดยเราขอให้ทางโรงแรมจัดเสิร์ฟเป็นคอร์สเหมือนอาหาร Western แล้วตอนเสิร์ฟก็ให้พนักงานเดินเรียงแถวออกมาจะได้ดูพิเศษขึ้น ซึ่งทางโรงแรมก็ดีมากเลยค่ะ เราได้คุยกับเชฟ เชฟก็ได้คิดเมนูอาหารไทยเสริฟสไตล์ Western ในแบบที่เราต้องการ ประทับใจมากๆค่ะ

       ในส่วนของการจัดโต๊ะ ทางโรงแรมก็มีปรับตามสถานการณ์ โดยจะใช้โต๊ะเป็นแบบสี่เหลี่ยมเท่านั้น แล้วกำหนดให้นั่งได้โต๊ะละ 4 คน และต้องนั่งสับหว่างเยื้องกันด้วยค่ะ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องชมคุณนก Wedding specialist ของโรงแรมเลย เขาจัดการให้ทุกอย่าง ช่วยจัดรูปแบบให้หมด ทำให้งานออกมาดูดีเลยค่ะ

พิธีการครบถ้วนกับช่วงส่งตัวที่สะดวกสบาย

       งานของเราจัดครบถ้วนทุกพิธีเลยค่ะ ตอนเช้าก็จะมีพิธีสงฆ์ แห่ขันหมาก พิธีสู่ขอ หมั้นสวมแหวนและช่วงรดน้ำสังข์ แล้วช่วงงานเลี้ยงฉลองตอนเที่ยงก็จะมีการเปิดตัว สัมภาษณ์บ่าวสาว ประธานขึ้นกล่าวอวยพร ตัดเค้กและมอบเค้กให้ผู้ใหญ่ 

       ส่วนช่วงโยนดอกไม้ เนื่องจากเราไม่อยากให้แขกมายืนแออัดกันอยู่หน้าเวที อีกทั้งแขกก็มีไม่มาก จึงเปลี่ยนเป็นเลือกคนที่จะให้ดอกไม้แทน ซึ่งก็ได้เลือกเป็นให้น้องสาวของเราเองค่ะ และนอกจากพิธีการแล้ว เรายังมีส่งตัวกันที่โรงแรมเลยด้วย ห้องพักที่นี่สวยนะคะ บรรยากาศดีและสะดวกสบายมากเลย

เคล็ดลับการจัดงานแต่งให้ผ่านไปได้ด้วยดี

       สำหรับวิธีการเตรียมงานของเราให้ผ่านไปได้ด้วยดีมีดังนี้ค่ะ อย่างแรกคือให้เลือกสถานที่ที่มีพนักงานประสานงานที่เข้าใจและมีความเป็นมืออาชีพ สองเลือก Vendor ที่คุยกันรู้เรื่องและพร้อมแก้ปัญหา สามปรับทัศนคติ การจัดงานแต่งงานควรจัดให้สวยงามถูกต้องตามพิธีเพื่อเป็นสิริมงคลในชีวิตคู่ และสุดท้ายควรมีความยืดหยุ่นในการตัดสินใจแก้ปัญหา แล้วจะช่วยให้ทุกอย่างสำเร็จราบรื่นค่ะ

       งานแต่งงานของเรา ต้องขอขอบคุณ Hyatt Regency Bangkok Sukhumvit เลยค่ะ เพราะช่วงที่เตรียมงาน สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การจำกัดจำนวนแขกก็เปลี่ยนเรื่อยๆ ทำให้ต้องติดตามข่าวสาร เตรียมความพร้อมและแก้ปัญหาแบบวันต่อวันเลย เราที่ไม่มีประสบการณ์และไม่ได้จ้าง Wedding Planner ตอนแรกก็กังวล แต่ก็ได้ความเป็นมืออาชีพของพนักงานโรงแรมคอยดูแล ช่วยปรับงานตามประกาศของทางรัฐบาลจนทุกอย่างเรียบร้อย

       ที่เราประทับใจเลยคือความเอาใจใส่ของพนักงาน เขาใส่ใจดีเทลต่างๆ และจำเราได้ กระทั่งเชฟยังจำชื่อเราได้เลยค่ะ(หัวเราะ) แล้วเวลามีเรื่องอะไรทุกคนก็พร้อมซัพพอร์ตและให้คำแนะนำอย่างดี เรื่องการประสานงานก็ไม่มีปัญหา ทีมเวิร์คดีมากๆ อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนบางอย่างจากที่ตกลงไปแล้วได้ นอกจากนี้เรื่องอาหารก็อร่อยและมีคุณภาพมากๆ ประทับใจจนอยากแนะนำบอกต่อจริงๆ ค่ะ 

แนะนำบ่าวสาว

ครอบครัวช่วยเตรียมงานได้ : บ่าวสาวที่ไม่มีเวลา สามารถให้ครอบครัวช่วยเตรียมงานได้นะคะ โดยก่อนอื่นจะต้องคุยกันให้ชัดเจนว่าอยากได้อะไร งานแบบไหน แล้วสุดท้ายบ่าวสาวค่อยมาเป็นคนสรุปว่าชอบแบบไหนและตัดสินใจเลือก ก็จะช่วยให้การเตรียมงานง่ายขึ้นค่ะ