The House on Sathorn สถานที่แต่งงานสไตล์โคโลเนียล ใจกลางเมือง
ผมมีเป้าหมายชัดว่าอยากได้สถานที่ฟีลอบอุ่น จึงสนใจพื้นที่จัดงานคล้ายบ้านหรือโซนเอาท์ดอร์เป็นพิเศษ แล้วโรงแรม W Bangkok(ดับเบิ้ลยู กรุงเทพ) มีจัดงาน WED YOUR WAY ซึ่งผมรู้ว่าที่นี่มีส่วน The House on Sathorn (เดอะเฮ้าส์ออนสาทร) เป็นพื้นที่จัดงานเอาท์ดอร์ สไตล์โคโลเนียล ตรงกับสิ่งที่ต้องการ จึงไปงานและตัดสินใจเลือก The House on Sathorn โดยไม่ลังเลเลย เพราะนอกจากสถานที่จะตอบโจทย์แล้ว เรื่องการเดินทางก็สะดวกสบาย อยู่ไม่ไกลจาก BTS ช่องนนทรี แถมยังมีที่จอดรถเยอะมากด้วยครับ
สีน้ำตาล ส้มอิฐ เหลืองมัสตาร์ด เสริมบรรยากาศให้ดูอบอุ่นยิ่งขึ้น
ผมอยากได้งานที่ดูอบอุ่นเลยให้ความสำคัญกับโทนสี จึงเลือกโทนสีน้ำตาล ส้มอิฐและเหลืองมัสตาร์ดเป็นหลัก โดยวันนั้นผมจัดทั้งงานหมั้นและเลี้ยงฉลอง ซึ่งตอนแรกที่คิดไว้ ตั้งใจให้งานเลี้ยงเย็นจัดที่ห้องบอลรูม เพราะอยากให้ดูแตกต่าง แต่ด้วยสถานการณ์ COVID19 จึงคิดว่าเลือกพื้นที่เปิดโล่ง โปร่ง มีอากาศถ่ายเท น่าจะทำให้ทุกฝ่ายสบายใจมากกว่า สุดท้ายจึงเลือกจัดที่ลานเอาท์ดอร์ของ The House on Sathorn ทั้ง 2 งานครับ
เรื่องการตกแต่ง สำหรับงานเช้าจะเน้นไปที่พิธีการและการจัดเตรียมของเพื่อทำพิธีต่างๆ เช่น พิธีสงฆ์ พิธีหมั้น ในห้องจึงไม่ได้ตกแต่งอะไรเพิ่ม จะมีส่วนของฉากหลังเวทีด้านนอกห้องที่ทำด้วยวัสดุไม้อัดดัดเป็นทรงโค้งติดแผ่นลามิเนต ประดับด้วยดอกไม้สดและแซมด้วยการพ่นใบสีทองให้ดูสวยหรู
ซึ่งฉากเวทีนี้ผมใช้งานเย็นต่อด้วยเลย โดยจะแค่ปรับเปลี่ยนชื่อบ่าวสาวจากตอนเช้าที่เป็นตัวเขียน ตอนเย็นก็ใช้เป็นตัวอักษรย่อของชื่อจริงทั้งสองคนและกลับด้านให้ดูมีลูกเล่น โมเดิร์นขึ้นครับ
งานนี้เน้นดอกไม้สด ตอนเย็นเราจึงเปลี่ยนดอกไม้ของฉากเวทีเพื่อให้คงความสวยสดใหม่อยู่เสมอ แล้วยังเพิ่มการตกแต่งหลายส่วน ทั้งจุดลงทะเบียน มินิแกลอรี่ จุด Photo Booth และ Backdrop ถ่ายภาพที่แขกให้ความสนใจมากๆ เพราะ Backdrop นี้ผมใช้วัสดุไม้มาดีไซน์เป็นแท่งสับหว่างให้ดูเก๋ สูงถึง 4 เมตร โดยไม่ทำฉากทึบเพราะต้องการโชว์งานสถาปัตย์ของสถานที่ควบคู่ไปด้วยครับ
พิธีการเรียบง่าย งานนี้มีแต่ความสุข
สำหรับพิธีการตอนเช้าจะเริ่มที่การแห่ขันหมากตั้งแต่บริเวณหน้าประตูโรงแรม ผ่านจุดกั้นประตู เล่นเกมจนผ่านด่านได้สำเร็จก็ไปทำการเจรจาสู่ขอ เมื่อเรียบร้อยแล้วผมถึงไปรับตัวเจ้าสาวที่นั่งรออยู่ในห้องชั้น 2 ของตัวอาคาร แล้วพาไปที่เวทีตรงส่วนลานเอาท์ดอร์เพื่อทำพิธีมอบสินสอด ผู้ใหญ่ให้พร สวมแหวน ทานขนมอี๊ ยกน้ำชาและรดน้ำสังข์ จากนั้นทุกคนก็จะย้ายไปในห้องแอร์เพื่อทำพิธีสงฆ์ครับ ซึ่งพอเสร็จพิธีนี้ ผมก็มีเลี้ยงอาหารญาติผู้ใหญ่เพื่อเป็นการขอบคุณที่เขาสละเวลามาร่วมงานตั้งแต่เช้าด้วย
ส่วนงานเลี้ยงตอนเย็น ผมกับลี่(เจ้าสาว) จะมาสแตนด์บายอยู่ตรง Backdrop ซึ่งระหว่างที่แขกรอถ่ายภาพกับบ่าวสาว สามารถไปถ่ายรูปเล่นตรงจุด Photo Booth ที่อยู่ไม่ไกลจากกันได้ด้วย ซึ่ง 2 จุดนี้บอกเลยว่าขายดีมากครับ
สำหรับงานช่วงนี้เราจะเริ่มด้วยการเปิดตัว บ่าวสาวจะเดินออกมาจากปีกอาคารผ่านแขกที่นั่งอยู่ตามโต๊ะขึ้นเวที จากนั้นก็เปิดพรีเซนเทชั่นงานเช้าให้แขกที่ไม่ได้มางานเช้าได้เห็นภาพบรรยากาศผ่านจอโปรเจคเตอร์ข้างเวทีครับ
หลังจากนี้ก็จะเริ่มเสิร์ฟอาหารครับ ซึ่งเราจัดแบบ Sit Down Dinner เลือกเป็น Set Dinner 4 คอร์สพิเศษ เริ่มตั้งแต่สตาร์ทเตอร์ อาทิ ยำมะเขือเผากุ้งแชบ๊วย ลาบปลาหมึกย่าง ตามด้วยไอศกรีมซอร์เบต์ เมนคอร์ส และปิดท้ายด้วยเมนูขนมหวาน อย่างชูว์ครีมรสส้มกับช็อกโกแลต
เรามีช่วงกล่าวความรู้สึกจากเพื่อนบ่าวสาวรวม 7 คนด้วย ซึ่งผมกับลี่ประทับใจในสิ่งที่เพื่อนพูดกันมากครับ จากนั้นก็ถึงคิวผู้ใหญ่ของบ่าวสาวอย่างละท่านมาพูดอวยพรต่อ เสร็จแล้วเราสองคนถึงเดินไปตัดเค้กที่ตั้งเกือบกลางงาน และต่อด้วยโยนดอกไม้ แล้วปิดท้ายด้วยพิธีเฉพาะคนในครอบครัวกับการส่งตัวที่ห้องพัก Extreme Wow Suite ครับ
บรรยากาศเต็มไปด้วยความรัก ความอบอุ่นและการเปิดใจ
งานนี้แม้ผมเตรียมงานมานาน แต่พอมี Covid19 ทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่าจะจัดงานวันเดิมได้ไหม กระทั่งก่อนการจัดงานเพียง 2 อาทิตย์ก็มีประกาศผ่อนปรนมาตรการจึงตัดสินใจจัดทั้ง 2 งาน ไม่เลื่อนวัน ทุกอย่างจึงกระทันหัน หลายส่วนต้องเร่งรีบ ด้วยเหตุผลนั้นผมจึงประทับใจเซลล์ สถานที่จัดงาน ซัพพลายเออร์ทุกทีมที่ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี ทำให้วันงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยมากๆ จนมีฟีดแบคจากเพื่อนและครอบครัวชมว่าทีมงานดูแลแขกดีทุกคน
ส่วนความประทับใจเรื่องอื่น คงต้องยกให้ช่วงที่เพื่อนพูดความในใจ เป็นสิ่งที่ผมไม่คาดฝันมาก่อนว่าบางคนจะกล้าเผยความในใจ แล้วไม่คิดว่าเขาจะพูดได้ดีและซาบซึ้งขนาดทำผมกับลี่น้ำตาซึม บรรยากาศงานเองก็ดี งานเย็นที่ผมเพิ่มไฟปิงปองเข้าไป รู้สึกตัดสินใจถูกมาก เพราะนอกจากจะทำให้งานดูสวยแล้ว แสงวอร์มไลท์ยังให้บรรยากาศดูอบอุ่นและโรแมนติกมากขึ้น แถมยังได้สถาปัตย์รอบข้าง การจัดเลี้ยงแบบ Sit Down Dinner การมีวงดนตรีสดมาร้องเพลงสากลในยุค 90 ยิ่งช่วยลดความทางการ ได้ฟีลกันเองมากขึ้นด้วย ในงานผมเห็นทุกคนดูแฮปปี้ สนุก ผมกับลี่ก็แฮปปี้ไปด้วยครับ
แนะนำบ่าวสาว
งานแต่งไม่ใช่แค่เรื่องของบ่าวสาว : เราจะพบว่ามีคนเกี่ยวข้องเยอะมาก บางครั้งความชอบของบ่าวสาวก็อาจไม่ตรงกับความต้องการของผู้ใหญ่ ดังนั้นควรคุยกันให้มากที่สุด เพื่อหาข้อสรุปตรงกลางและให้ทุกฝ่ายเกิดความสบายใจครับ
ระยะเวลาเตรียมงานสำคัญ : สำหรับผมมองว่าการเตรียมตัว 1 ปีกำลังดี เพราะจะมีเวลาตกผลึกในการคิด แก้ไขและตัดสินใจในการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
เลือกแพลนเนอร์เป็นอย่างแรก : การเลือกแพลนเนอร์ก็เหมือนเลือกคนรู้ใจ เราต้องหาคนที่มีไลฟ์สไตล์หรือมีความเข้ากัน ซึ่งข้อดีของการมีแพลนเนอร์นั้นคือเขาจะช่วยตามงานให้ทุกอย่าง ทำให้เราไม่ต้องกังวล
ยุคแห่งการตรวจ ATK ของงานแต่ง : การซื้อที่ตรวจ ATK ให้แขกร่วมงานจะช่วยสร้างความสบายใจให้ทั้ง 2 ฝ่าย อย่างกรณีของผม ผมส่งที่ตรวจ ATK ให้แขกทุกคนทางไปรษณีย์ สิ่งที่ได้คือแขกทุกคนแฮปปี้ เป็นผลดีมากกว่าผลเสียครับ
จัดงานเอาท์ดอร์ ควรมีทีมงานที่ดี : การจัดงานเอาท์ดอร์ได้บรรยากาศดี แต่ควรมีทีมงานที่พร้อมช่วยเหลือ รับมือได้ทุกสถานการณ์ จะได้ลดความกังวลในสิ่งที่เราคอนโทรลไม่ได้ ซึ่งงานผมโชคดีที่มีทีมงานของสถานที่ดูแลอย่างดีครับ