Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok สถานที่แต่งงาน Luxury ล้อมด้วยสวนส่วนตัว
ลี่จัดงานหมั้นวันที่ 25 เมษายน 64 อันที่จริงวันนี้ตั้งใจเป็นงานเลี้ยงฉลองจบในวันเดียวตามฤกษ์มงคล แต่ด้วยสถานการณ์พิเศษ ทางเราจึงจำเป็นต้องปรับรูปแบบงานก่อนวันจริงประมาณ 3 สัปดาห์และลดจำนวนแขกเหลือเพียง 40 คนเท่านั้น ในงานจึงมีเพียงครอบครัวของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวค่ะ
ลี่เลือกจัดงานที่ Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok (สินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ) เพราะได้มีโอกาสเห็นโรงแรมช่วงเปิดใหม่ แล้วได้จีเอ็มพาทัวร์แนะนำที่ต่างๆ หลังได้ชม ลี่รู้สึกว่าโรงแรมมีความสวยด้วยตัวของมันเอง เช่น สวนที่สัมผัสถึงความสดชื่น ผ่อนคลายท่ามกลางต้นไม้เขียวขจีนานาพันธุ์ ด้านในอาคารอย่าง ล็อบบี้ เลาจน์ ก็มีการออกแบบหรูหรา ขณะเดียวกันยังรับแสงธรรมชาติที่ส่องผ่านประตูทางเข้าทรงโค้ง สามารถเชื่อมต่อกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน นอกจากนี้ตัวโรงแรมยังมีทำเลที่ตั้งที่ถูกใจ ตลอดจนเงื่อนไขที่โรงแรมทำให้ลี่ได้คือการจัดรูปแบบการรับประทานอาหารแบบ Sitdown Lunch ค่ะ
จัดงานไร้ธีมสี อิงความสวยจากสถานที่เป็นหลัก
หลังจากที่ลี่ได้โรงแรมแล้ว ซัพพลายเออร์ต่างๆ ลี่ดูจากหลายช่องทางทั้ง Facebook Youtube รวมถึงดูใน SabuyWedding ด้วย ซึ่งก็ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์มากๆ เลยค่ะ แล้วในส่วนการจัดงานลี่มีจุดประสงค์คือต้องการใส่ใจความรู้สึกของแขกเป็นหลัก อยากให้เขามาแล้วสนุก สบายใจ ได้ทานอาหารอร่อยๆ รวมถึงไม่ต้องซีเรียสเรื่องชุดแต่งกายด้วย ทำให้เราไม่เน้นโทนสีและการตกแต่งใดๆ มีเพียงจัดดอกไม้สดคุมสีเอิร์ธโทนประดับนิดหน่อยพองาม เพราะไม่อยากให้ดอกไม้หรือการตกแต่งที่มากไปบดบังความสวยงามของการตกแต่งภายในของสถานที่ค่ะ
ส่วนการตกแต่งที่นอกเหนือจากดอกไม้ก็จะมีป้ายชื่อบ่าวสาวติดฉากหลังบนเวทีที่ทำพิธี ภาพพรีเวดดิ้งที่เราสองคนเลือกถ่ายที่นี่ก็นำมาใส่จอประชาสัมพันธ์แบบดิจิทัลที่มีทั้ง
ในลิฟต์และตั้งวางหน้าห้องจัดงานด้วยค่ะ
ลี่มีกิมมิกที่อยากนำเสนอด้วยนะคะ เป็นสมุดเซ็นอวยพรบ่าวสาวที่ปกติจะเป็นกระดาษขาวธรรมดา แต่ลี่ทำเป็น Photobook ที่แขกสามารถเขียนคำอวยพรได้ด้วย ที่ทำแบบนี้เพราะพอจบงานลี่จะได้เห็นทั้งภาพเราสองคนและข้อความอวยพรมากมายที่แขกเขียนไว้ ก็เป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ดีค่ะ
พิธีการเรียบง่าย สุขใจในทุกโมเมนต์
ลี่จัดงานพิธีหมั้นไทยจีนแบบเรียบง่าย ตามกำหนดการจะเริ่ม 09.09 น. เป็นพิธีแห่ขันหมาก โดยเจ้าบ่าวจะเดินมาจากสวนทรอปิคอลผ่านการกั้นประตูเงินประตูทองด้านหน้าโรงแรม เมื่อผ่านด่านแล้วถึงมารับตัวเจ้าสาว จากนั้นเราทั้งคู่ก็จะเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อทำพิธีสู่ขอ ณ ห้อง Sindhorn 4 ค่ะ
ต่อมาจะเป็นพิธีมอบสินสอด สวมแหวน ถ่ายภาพร่วมกับครอบครัว จากนั้นถึงต่อด้วยพิธียกน้ำชา ประมาณ 11.30 น. พิธีทางการก็เสร็จสิ้น ลี่ถึงเชิญแขกลงมารับประทานอาหารมื้อเที่ยง ณ ห้องอาหาร Loukjaan by Saneh Jaan (ลูกจันทน์ บาย เสน่ห์จันทน์) ที่ตั้งอยู่ชั้นล็อบบี้ โดยลี่จัดโต๊ะเป็น Long Table หลายขนาดมีทั้งแบบ 6 ที่นั่ง 8 ที่นั่ง ฯลฯ ซึ่งอาหารจะเป็นอาหารไทยล้วน แต่ใช้วิธีเสิร์ฟแบบ Family Sharing มีทั้งเมนูไฮไลท์และเมนูที่เลือกเองแบบไม่เน้นรสจัดค่ะ
งานจบประทับใจ ได้ครบทุกฟีลลิ่ง
แม้จะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบงานกะทันหัน แต่ครอบครัวและเจ้าบ่าวต่างเข้าใจ พยายามให้กำลังใจกันและกัน นั่นจึงทำให้ลี่รู้สึกดีและมองว่าการลดขนาดงานไม่ได้เป็นปัญหาหรือแย่อย่างที่คิดหากเรายอมรับและไม่ยึดติด เพราะงานนี้ลี่แฮปปี้มากค่ะ เป็นงานที่สัมผัสถึงความอบอุ่น ได้ใกล้ชิดกับแขกทุกคนกว่าที่คิดไว้ ได้เห็นโมเมนต์ซึ้งๆ อย่างคุณป้าน้ำตาซึมด้วยความตื้นตันใจ โดยเฉพาะการถ่ายรูปร่วมกัน ลี่สังเกตเห็นได้ชัดว่าเราทุกคนต่างมีปฏิสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่าเดิม หากเป็นแต่ก่อนการจัดงานแต่งขนาดใหญ่ที่มีเวลาจำกัดในการถ่ายภาพ เราอาจจะไม่ได้มีโอกาสใช้เวลาถ่ายรูปกับแขกทุกท่านได้มากเหมือนในงานนี้ค่ะ
ที่สำคัญลี่อยากขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ และผู้ใหญ่ที่เราสองคนรักมาก ที่เข้าใจในข้อจำกัดของสถานการณ์ที่เราไม่ได้มีโอกาสเชิญมาร่วมงาน แต่ทุกคนพร้อมซัพพอร์ตให้งานแต่งของเราออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด รวมถึงฝากคำอวยพรมาให้พวกเราในทุกๆ ช่องทางค่ะ
แนะนำบ่าวสาว
หาแก่นแท้ของการจัดงานแต่งให้เจอ : ลี่อยากให้บ่าวสาวมือใหม่เข้าใจแก่นของการจัดงานแต่งที่แท้จริงว่าต้องการอะไร อย่างลี่มีแก่นของงานคือพบปะคนรัก ได้ดูแลแขกที่มา
การได้รับคำอวยพรจากแขกผู้ใหญ่ที่จะให้ข้อคิดในการเริ่มต้นใหม่ของชีวิตคู่ ฉะนั้นขนาดงานจึงไม่สำคัญไปกว่าความรู้สึกบ่าวสาวและแขกที่มาร่วมงานค่ะ
มองมุมบวก ช่วยลดความเครียด : แน่นอนว่าการจัดงานช่วง COVID19 ย่อมมีความเครียดเป็นธรรมดา เพราะจะเจอกับความไม่แน่นอนเสมอ แต่ก็อยากให้พยายามคิดบวกไว้เพื่อให้สถานการณ์ไม่แย่ไปมากกว่าเดิม เพราะบางทีสมองมักสั่งการให้เราคิดไปในทางแย่ก่อน แต่ในความเป็นจริงการปรับรูปแบบงานใหม่ มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น แค่เป็นสิ่งใหม่ที่เราต้องปรับตัวและเรียนรู้ค่ะ