Bangkok Marriott Hotel Sukhumvit สถานที่แต่งงานสวยสง่า ห้องบอลรูมเพดานสูง มาพร้อมจอ LED คมชัด แถมเดินทางง่าย ใกล้รถไฟฟ้า
โจ้กับลิสา (เจ้าสาว) ดูสถานที่แต่งงานจาก Wedding Showcase ที่โรงแรมจัดขึ้น และ Sabuywedding Festival 2024 ด้วยครับ เรามองหาเฉพาะโรงแรมใจกลางเมืองที่แขกเดินทางสะดวก และเห็นตรงกันว่า Bangkok Marriott Hotel Sukhumvit (โรงแรม แมริออท กรุงเทพฯ สุขุมวิท) ตอบโจทย์ที่สุด ตั้งแต่ราคาคุ้มค่า ห้องบอลรูมขนาดเหมาะกับจำนวนแขกราว 300 ท่านของเรา ที่สำคัญเพดานสูง ช่วยให้งานดูโปร่งสบาย รวมถึงคุณเชอร์รี่ เซลล์ที่ติดต่องานกัน ดูแลดีและพร้อมช่วยเหลือมาก ๆ ครับ
ตกแต่งงานสวยสบายตาในคอนเซ็ปต์ 'เจ้าหญิงในสวนดอกไม้สีขาว'
เราอยากให้ภาพรวมของงานออกมาดูสว่าง เห็นแล้วรู้สึกสบายตา จึงเลือกตกแต่งสีขาวเป็นหลักครับ และกำหนดสี Dress Code ของแขกไปทางพาสเทล เพื่อให้ชุดของแขกเข้ามาเป็นสีสันในงานของเราครับ
สำหรับคอนเซ็ปต์การตกแต่ง ผมให้ลิสาดูแลครับ เพราะเขาชอบและมีธีมงานแต่งในฝันแบบ Fairy Tale โดยให้โจทย์ว่า “เจ้าหญิงในสวนดอกไม้สีขาว” การตกแต่งจึงเน้นดอกไม้เป็นพิเศษ และรีเควสต์ดอกไม้กล้วยไม้ฟาแลนนอบซิสไปด้วยครับ
บริเวณโถงรับรอง เราตั้งโต๊ะลงทะเบียนและโฟโต้บูธ ถัดมาเป็น Walkway อุโมงค์ดอกไม้ แต่งผ้าม่านสีขาวให้ดูพลิ้วไหว ตรงทางเข้าตั้งภาพบ่าวสาวเป็นบอร์ดขนาดใหญ่ 2 ภาพ เและระหว่างทางจะประดับรูปบ่าวสาว 6 ภาพ ที่แขวนไว้กับโครงเหล็กพ่นสีโรสโกลด์ครับ
ไฮไลต์ของงานนี้ต้องยกให้แบ็คดรอป ที่เราทำเป็นแผงดอกไม้สีขาวจัดเต็ม เพราะว่าจุดนี้ใช้ถ่ายภาพร่วมกันและแขกจะเห็นเยอะที่สุดครับ
เราใช้พื้นที่เดียวกันจัดทั้งงานหมั้นและงานเลี้ยงฉลอง ดังนั้นแขกจะเห็นทุกการตกแต่งตั้งแต่เช้าเลยครับ ด้วยแขกงานเช้ามีเกิน 100 ท่าน เราจึงตัดสินใจใช้ห้องบอลรูมทั้ง 2 ช่วง ซึ่งมีข้อดีตรงที่สามารถใช้การตกแต่งเดิมได้เลยครับ
ระหว่างเตรียมงาน ทางโรงแรมเพิ่งนำจอ LED เข้ามา เราจึงได้ใช้จอเป็นคู่แรก ๆ ครับ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดค่าตกแต่งดอกไม้แล้ว ยังเหมาะกับเล่นเกม หรือเปลี่ยนฉากเพื่อสร้างความหลากหลายไว้เป็นกิมมิกในงานครับ แต่ถึงจะมีจอ เราก็ยังคงเสริมดอกไม้อยู่เพื่อความสวยงาม โดยวางพุ่มดอกไม้ไล่ตั้งแต่ทางเดินจนถึงบันไดขึ้นไปสู่เวที และแทรกดวงไฟให้ดูเหมือนหิ่งห้อยครับ
ส่วนโมชั่นกราฟิกของงานหมั้น เราใช้ฉากเดียว เน้นโทนสีสว่าง ลวดลายเรียบง่ายและมีโลโก้บ่าวสาวเป็นหลักครับ ส่วนงานฉลองมี 3 ฉากเปลี่ยนไปตามพิธีการ ดีไซน์จะคุมโทนธรรมชาติ เช่น สวนดอกไม้ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อให้ลิงก์กับความเป็น Fairy Tale ครับ
พวกเราใส่ใจดีเทลเล็ก ๆ อย่างของชำร่วยด้วยครับ มีให้แขกทั้ง 2 งานเลย อย่างงานหมั้นเเป็นพวงกุญแจที่มีตัวอักษรจีนมงคล ให้ความหมายอุดมสมบูรณ์และยังเป็นเครื่องรางได้ด้วยครับ ส่วนงานเลี้ยงฉลองเป็นกระเป๋าใส่เหรียญครับ
หมั้น-ฉลอง-ปาร์ตี้ ทำพิธีครบถ้วน อบอวลด้วยความรัก
งานหมั้นเรามีพิธีเยอะครับ แต่ด้วยฤกษ์ที่เราได้มา ทำให้ลำดับพิธีต่างจากงานอื่นสักหน่อย เริ่มด้วยแห่ขันหมาก และเล่นเกมกั้นประตูเงิน ประตูทองไปเรื่อย ๆ จากนั้นผมจะเข้าไปเจรจาสู่ขอกับทางญาติผู้ใหญ่ก่อน จบแล้วคั่นด้วยพิธีสงฆ์ ถวายภัตตาหาร เรียบร้อยแล้ว ผมจะไปรับตัวลิสาที่นั่งรอตรงชานพักบันได แล้วกลับเข้ามาทำพิธีมอบสินสอด สวมแหวน ทานขนมอี๋ ยกน้ำชา รดน้ำสังข์ ปิดท้ายด้วยส่งตัวครับ
อาหารในพิธีหมั้น เราแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงเช้าตรู่จะมีข้าวต้มปลาและ Snack Box อย่างซาลาเปาที่นำเข้ามาเองครับ พอใกล้จบพิธี เรามีซุ้มข้าวมันไก่ ซึ่งเป็นของญาติผมเอง ต้องบอกว่าโรงแรมน่ารักมากที่ยืดหยุ่นให้เรานำเข้ามาได้ แถมยังคอยอำนวยความสะดวกเรื่องสถานที่และจัดหาภาชนะมาให้ด้วยครับ
สำหรับพิธีเลี้ยงฉลองช่วงเย็น เราเปิดตัวแยกกัน โดยผมเดินเข้าไปในห้องพร้อมเพื่อนก่อน ส่วนลิสาเดินเข้ามากับคุณพ่อ จนถึงจุดตั้งเค้กที่อยู่กลางห้อง ผมก็มอบดอกไม้และรับตัวลิสาพาขึ้นเวที จากนั้นเชิญประธานขึ้นมากล่าวคำอวยพร ต่อด้วยสัมภาษณ์บ่าวสาวครับ
เมื่อพูดคุยกันเรียบร้อยแล้วก็เข้าสู่เกม Booklet ที่วิธีการเล่นเหมือน Kahoot เลยครับ หากใครอยากมีกิจกรรมในงาน ผมแนะนำแอปฯ นี้ เพราะราคาย่อมเยากว่าและเล่นได้แบบไม่จำกัดครับ หลังจากเราได้ผู้โชคดีทั้ง 3 ท่าน ก็แจกรางวัลให้ และถึงคิวรินแชมเปญทาวเวอร์ ต่อด้วยตัดเค้กครับ เรียบร้อยแล้ว เราเชิญเพื่อนบ่าวสาวรวม 4 ท่าน ขึ้นมาพูด Speech บนเวที และโยนดอกไม้ก่อนจะเข้าสู่อาฟเตอร์ปาร์ตี้ครับ
เราไปเปลี่ยนชุดและเปิดตัวเข้างานด้วยเพลง Perfect ของ Ed Sheeran ผ่านแถวเพื่อน ๆ ที่ดึงแท่งกลิตเตอร์ให้ จากนั้นก็สนุกไปกับดนตรีสดและดีเจครับ
งานนี้เราเลือกจัดเลี้ยงบุฟเฟ่ต์นานาชาติ มีซูชิ สเต็ก ลาบทอด มัสมั่นไก่ เกี๊ยวกุ้งน้ำ ผัดไทย ซึ่งแขกชื่นชอบอาหารมากครับ โดยเฉพาะซูชิ สเต็ก และยำเนื้อ พอแขกทานแล้วอร่อย ก็ยิ่งทําให้บรรยากาศดีไปหมด รวมถึงเครื่องดื่มแอลกฮอล์ที่เราก็มีให้แบบไม่อั้น เลยทำให้แขกสังสรรค์ได้แบบเต็มที่ครับ
งานราบรื่นเพราะทีมงานและโรงแรมซัพพอร์ต
เราโชคดีที่ได้ทีมงานมืออาชีพ แม้แต่ละทีมจะมาจากต่างที่กัน แต่ก็ทํางานเข้าขากันได้ดี ทำให้งานไม่สะดุดเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นทีมตกแต่งที่ครีเอทงานออกมาสวยสมใจ ทีมรันคิวที่ค่อนข้างเป๊ะ คอยดูแลประกบบ่าวสาวตลอดเวลา และแน่นอนที่ประทับใจที่สุดก็คือ โรงแรมครับ โดยเฉพาะคุณเชอร์รี่ที่ซัพพอร์ตทุกอย่าง ทั้งการยืดหยุ่นค่านําเข้าต่าง ๆ ช่วยจัดหาห้องไว้สำหรับเก็บของ หลาย ๆ อย่างที่เราทํากันเอง ก็ได้โรงแรมนี่แหละครับคอยเป็นแบ็คอัพให้
คําแนะนําสำหรับบ่าวสาว
เลือกทุกอย่างให้สอดคล้องกับบัดเจ็ต : ควรตั้งงบไว้ก่อนและเลือกทุกอย่างให้อยู่ในงบ เพื่อไม่ให้บานปลาย เพราะหากเรารู้ว่ามีงบเท่าไหร่ จะได้จัดสรรปันส่วนได้ถูกต้อง โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ ๆ อย่างโรงแรม การตกแต่ง และช่างภาพ
ต้องคุยกับทีมงาน จะได้รู้ว่าเป็น ‘ทีมที่ใช่’ ไหม : ก่อนการเลือกทีมงาน ต้องหาโอกาสคุยกันก่อน ไม่ว่าจะนัดเจอตัวจริง หรือประชุมออนไลน์ เพื่อให้รู้ว่าคุยกันแล้วคลิกไหม เพราะถ้าทุกทีมที่เราเลือกมาเป็น ‘ทีมที่ใช่’ เราจะช่วยกันทำงานให้ผ่านไปได้อย่างราบรื่น
สรุปจำนวนแขกให้ชัดเจนและไวที่สุด : ควรลิสต์จำนวนแขกตั้งแต่เนิ่น ๆ ถ้าเรารู้จํานวนเร็วจะทำให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้น แต่ถ้าช้า อาจกลายเป็นว่ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม จนงบบานปลายได้
อย่าลืมส่งคอนแท็คให้รันคิว : ทีมรันคิวจะขอข้อมูลคนที่มีส่วนร่วมในงาน เพื่อบรีฟหรือซ้อมคิวกันก่อน บ่าวสาวต้องลิสต์รายชื่อ เบอร์โทรฯ ของแต่ละคน เช่น คุณพ่อคุณแม่ แขกที่มารับไหว้ เพื่อนบ่าวสาว และส่งให้เรียบร้อย
ลองชุดเจ้าสาวล่วงหน้าประมาณ 3 เดือน : การได้เห็นแบบแฟชั่นชุดเจ้าสาวเยอะ ๆ จะทําให้เรารู้แบบที่ชอบและตัดสินใจง่ายขึ้น พอได้ลองชุดแล้ว ควรสรุปว่าจะเอาชุดไหนให้ได้ก่อนวันงานอย่างน้อย 3 เดือน เพราะต้องมีช่วงเวลาของการตัด ปรับแก้ให้เหมาะกับสรีระ รวมถึงฟิตติ้งด้วย
รักษาหุ่นให้คงที่ : ตอนลองชุด หุ่นเราเป็นแบบไหนก็ควรรักษาหุ่นให้ได้แบบนั้น ถ้าเผลอปล่อยให้น้ำหนักขึ้น อาจต้องเสียเวลาแก้ชุด หรือหากใส่ชุดที่ค่อนข้างรัดนาน ๆ จะทำให้อึดอัดและเครียดได้
Photographer : Gamour Studio