AUBE สถานที่จัดงานแต่งงานสวย มีเอกลักษณ์ ด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์มินิมอล พร้อมบริการครบวงจร
เบสท์ (เจ้าบ่าว) มีโจทย์ชัดเจนตั้งแต่แรก ว่าอยากแต่งงานในสวน หรือ Wedding Venue ตอนหาสถานที่ นุ้ยคุยกับรุ่นพี่ที่แนะนำ AUBE (โอบ) มา พอหาข้อมูลก็ชอบตั้งแต่ดูภาพแล้วค่ะ เห็นสถานที่จริงยิ่งถูกใจ ดูที่แรกแล้วเลือกเลยค่ะ เพราะสถาปัตยกรรมไม่เหมือนใคร ออกแบบในสไตล์มินิมอลที่เราชอบ ทำให้บ่าวสาวดูโดดเด่น เหมือนเป็นอาณาจักรของเรา พื้นที่มีทั้งโซนสวนและห้องจัดเลี้ยงในร่ม ไม่ต้องกลัวร้อน ที่จอดรถเยอะ แถมบรรยากาศรอบด้านมีมุมสวย ๆ ให้แขกถ่ายรูปหลายมุมด้วยค่ะ
ครีเอตงานในธีม Warm Tone ตกแต่งน้อยแต่อบอุ่นมาก
เราเลือกสีตกแต่งมาจากความชอบ อย่างเบสท์ชอบสีน้ำตาล นุ้ยชอบสีชมพู โดยเราใช้ธีมสีนี้ทั้งงานหมั้นและงานฉลองค่ะ ส่วน Dress Code ของแขก เราเลือกสีเอิร์ธโทนที่แขกจะหาชุดได้ง่ายค่ะ
สำหรับการตกแต่งของงานหมั้นที่จัดขึ้นในห้อง Moonstruck เราเลือกแพทเทิร์นที่ AUBE เคยทำ แต่ปรับเป็นธีมสีงานเราค่ะ ซึ่งทาง AUBE ดีมาก พยายามพลิกแพลงให้เป็นสไตล์ของเราค่ะ โดยตกแต่งพุ่มดอกไม้สดแบบครึ่งวงกลมและติดชื่อบ่าวสาวตรงผนังค่ะ
ด้วยความที่นุ้ยชอบสไตล์มินิมอล จึงตั้งใจไม่แต่งเยอะอยู่แล้ว แถมสถานที่ก็สวยในตัวเอง แม้เราแต่งน้อย ก็ยังดูดีค่ะ โดยในห้องเลี้ยงฉลอง Suntouch บนเวทีเราไม่มีดอกไม้เลยค่ะ แต่ส่วนอื่น ๆ ยังคงตกแต่งเพื่อความสวยงาม โดยเลือกดอกไม้แบบ Hanging จากเพดานค่ะ ซึ่งมาจากความต้องการของเบสท์และคุณแม่ของนุ้ย หลังจากที่เห็นแบบในโซเชียลแล้วชอบค่ะ
เนื่องจากเราจัดเลี้ยงรูปแบบ Long Table จึงตกแต่งดอกไม้บนโต๊ะให้ดูมีความละมุนยิ่งขึ้น รวมถึงดอกไม้ตรงโต๊ะวางเค้กด้วยค่ะ ซึ่งเราเน้นความคุ้มค่า เพราะใช้พุ่มดอกไม้เดียวกันกับจุดตกแต่งข้างเก้าอี้ ในช่วงรับตัวเจ้าสาวค่ะ
พิธีการกินใจ สนุกและอิ่มท้อง
เรามีแขกในช่วงงานหมั้นราว 100 ท่านค่ะ เริ่มด้วยพิธีสงฆ์ ใส่บาตร แล้วเข้าสู่แห่ขันหมากเลยค่ะ ซึ่งช่วงนี้ นุ้ยบรีฟกับเพื่อนเจ้าสาวว่าขอไม่นาน เนื่องจากเราทำพิธีเอาต์ดอร์ กลัวแขกร้อนค่ะ ดังนั้นช่วงที่เบสท์แห่ขันหมากจะผ่านประตูเงิน-ประตูทอง แค่ 3 ประตูเท่านั้น
เรียบร้อยแล้ว เบสท์ก็ไปสู่ขอกับญาติผู้ใหญ่และมารับตัวนุ้ยที่รออยู่ห้อง Suntouch ค่ะ จากนั้นถึงเดินกลับมาเพื่อทำพิธีมอบสินสอด สวมแหวน ทานขนมอี๋ ต่อด้วยยกน้ำชาและรับไหว้ เสร็จแล้วต่อด้วยรดน้ำสังข์ ปิดท้ายด้วยการส่งตัวค่ะ เราทำทั้งพิธีหมั้นไทยและจีน เพราะขึ้นอยู่กับแต่ละครอบครัวด้วยค่ะ
อาหารช่วงงานหมั้น เรามีทั้งเบเกอรี่ คอฟฟี่เบรก และข้าวต้มปลากระพงค่ะ หลังพิธีหมั้นจบ เรามูฟเก้าอี้ออก และฉากงานหมั้นถูกปรับให้เป็นแบ็คดรอปถ่ายภาพค่ะ
สำหรับงานฉลอง แขกทุกท่านจะได้รับของชําร่วยที่เป็นผ้าเช็ดแว่น เพราะเห็นว่าน้ำหนักเบา ขนาดเล็ก สามารถพกกลับบ้านได้ง่ายค่ะ ทั้งนี้ เราจะสอดตัวการ์ตูนโปเกมอนเข้าไปด้วย เพราะเป็นกิมมิกสำหรับเล่นเกมในงานเลี้ยงค่ะ
พอได้เวลา คิวแรกเราเปิดตัวคู่กันเข้าไปในงานค่ะ เมื่อขึ้นบนเวที พิธีกรจะเชิญประธานขึ้นกล่าวคำอวยพร เสร็จแล้วถึงให้เพื่อน ๆ บ่าวสาวรวม 4 คน มาพูดความในใจบนเวที ตามด้วยเราพูดความประทับใจที่มีต่อกันค่ะ
เมื่อตัดเค้กแล้ว ถึงเวลาเข้าสู่เกมที่เราจะเลือกตัวการ์ตูนที่ชอบมาค่ะ โดยแขกจะได้ตัวโปเกมอนแตกต่างกัน หลังจากเราได้แขกราว 7-8 ท่านแล้ว ก็จะให้ตอบคำถามจากที่โต๊ะ หากท่านใดตอบถูกจะได้รับของรางวัลเป็นลาบูบู้จากเราไปค่ะ เราเล่นกัน 3 รอบ เพราะมี 3 รางวัล ซึ่งรางวัลที่ 1 จะได้น้องลาบูบู้ 3 ตัวค่ะ
เล่นเกมจบแล้ว เราปิดท้ายด้วยโยนดอกไม้ค่ะ จากนั้นถึงไปแสตนด์บายตรงแบ็คดรอป เพื่อเก็บตกการถ่ายรูปกับแขกค่ะ
เราให้ความสำคัญกับอาหารจัดเลี้ยง เทสต์กันหลายเมนู เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้อาหารที่ทำให้แขกประทับใจ โดยเราเลือกเป็นเซ็ตเมนูค่ะ เพราะอยากให้แขกได้นั่งทาน ไม่ต้องเดินตักอาหารให้วุ่นวาย แต่อีกเหตุผลคือ เราเห็นภาพแพนเค้กในอินสตาแกรมของแคทเทอริ่งค่ะ แล้วน่าทานมาก ถึงกับต้องถามทาง AUBE ว่าอยากได้เมนูนี้ต้องทำยังไง พอเขาบอกว่าอยู่ในเซ็ตเมนู เราเลยเลือกค่ะ
เมนูอาหารที่เราคัดมา มีทั้ง Appetizer ทำจากกุ้ง ปลา ไก่ ซุปเห็ด ผัดไทยกุ้งสด กับข้าวปลาแซลมอนค่ะ ของหวานเป็นแพนเค้กราดซอสสตรอว์เบอร์รี ตกแต่งด้วยผลไม้สด และเพิ่มไอศกรีมวนิลาด้วยค่ะ รสชาติอาหารฟีดแบ็กดีมากค่ะ แขกชอบ เพราะได้ทั้งความอิ่มและอร่อยค่ะ โดยเฉพาะ Appetizer กับผัดไทยค่ะ
ได้งานสวย อบอุ่น สถานที่ดูแลดีแบบนัมเบอร์วัน
โมเมนต์วันงาน นุ้ยปลื้มตอนได้ยินเบสท์พูด Speech ค่ะ ซาบซึ้งมาก ๆ ส่วนเบสท์เองก็ชอบบรรยากาศในงานที่สวย อบอุ่น แถมแขกแฮปปี้กันมากค่ะ
เราทั้งคู่ประทับใจทีมงานทุกทีมเลยค่ะ โดยเฉพาะ AUBE นี่นัมเบอร์วันในใจเราเลยค่ะ เขาตั้งใจกับงานเรามาก ใส่ใจและทุ่มเทเหมือนว่าเป็นงานแต่งของเขาเอง และเหมือนเป็นเวดดิ้งแพลนเนอร์ให้เราด้วย พยายามอุดรูรั่วของปัญหาต่าง ๆ โดยที่เราไม่ต้องพูดอะไรเลย หรือบางอย่างเราคิดไม่ถึง แต่เขาเตรียมพร้อมและช่วยคิดหาทางแก้เบื้องต้น ซึ่งต้องมาจากคนที่ใส่ใจมาก ๆ ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ได้ดีแค่กับบ่าวสาว แต่ยังดูแลไปถึงครอบครัวด้วยค่ะ จนเรารู้สึกว่าทุกอย่างเพอร์เฟ็กต์มาก หลังจบงาน เพื่อน ๆ ทักมาชมและถามรายละเอียดงานแต่งเยอะมากค่ะ
คําแนะนําสำหรับบ่าวสาว
อาหารอร่อยคือสิ่งสำคัญที่ทำให้งานดีขึ้น : อาหารเป็นสิ่งที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษ ทั้งปริมาณ การคัดสรรอาหารที่ให้แขกอิ่มท้องและอร่อย เพราะถ้าแขกได้กินของดี เขาจะอารมณ์ดี บรรยากาศจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เราจะภูมิใจเวลาได้ยินฟีดแบ็ก ประกอบกับแขกเองจะสัมผัสได้ว่า เจ้าภาพใส่ใจความรู้สึกเช่นกัน
แบ่งหน้าที่กัน ลดปัญหาลงได้ : เพราะงานแต่งมีหลายเรื่องที่บ่าวสาวต้องตัดสินใจ อยากให้แบ่งหน้าที่ตามความเหมาะสมว่าใครรับผิดชอบเรื่องไหน เช่น การตกแต่ง ของชำร่วย ธีมสี และถ้าแบ่งหน้าที่แล้ว ก็ควรเคารพการตัดสินใจของอีกฝ่ายด้วย
วันแต่งงานควรพูดแต่เรื่องดี ๆ : วันแต่งงานเป็นวันที่บ่าวสาวและแขกควรมีความสุข ฉะนั้นการพูด Speech หรือการพูดคุยกับแขก จะต้องระวังการสื่อสาร ถ้าเราเผลอพูดเรื่องแย่ ๆ พอย้อนกลับไป จะคิดว่าไม่น่าพูดอย่างนั้นเลย
ลองฟังความเห็นจากคนอื่น : ต้องยอมรับว่าบ่าวสาวไม่ได้รู้ดีที่สุดในทุกเรื่อง ถ้าเราฟังคนอื่น หรือขอความเห็นจากคนที่มีประสบการณ์มากกว่า งานจะออกมามีมิติมากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องทำตามทุกเรื่อง ให้เลือกเฉพาะเรื่องที่เราไม่รู้ ไม่มั่นใจ
Photographer : Wat Gallery