BARN Klongsuan สถานที่แต่งงานสวย 2 บรรยากาศ เอาท์ดอร์สวนร่มรื่น และอินดอร์สไตล์โรงนา คอทเทจ
อีฟกับฮอล (เจ้าบ่าว) อยากแต่งงานในบรรยากาศอบอุ่น มีความเป็นธรรมชาติ มีสวนและต้นไม้ เหมือนตัวแทนบ้านของอีฟค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่สถานที่แบบนี้มักอยู่ต่างจังหวัด แต่เราไม่อยากเดินทางไกล บังเอิญตอนหาข้อมูล เราเจอรีวิว BARN Klongsuan (บาร์น คลองสวน) ที่เพิ่ง Grand Opening พอดี ตอนเห็นภาพสถานที่สไตล์โรงนาที่มีบรรยากาศธรรมชาติสีเขียวก็ชอบมาก แถมอยู่ไม่ไกลจากบ้านย่านพระราม 2 ด้วย เราจึงวอล์คอินไปวันนั้นเลยค่ะ
โชคดีที่เราได้เจอคุณออย เจ้าของสถานที่พอดี ก็รู้สึกถูกชะตา เพราะเขาน่ารัก ให้คำแนะนำดี ประกอบกับสถานที่ดูอบอุ่นเหมือนบ้านตามที่เราอยากได้ มีการแบ่งสัดส่วนพื้นที่ชัดเจน แต่ก็เชื่อมถึงกันได้ทั้งหมด ทำให้เราจินตนาการได้เลยว่า จะทำพิธีตรงไหน ยังไงบ้าง
เราชอบที่ได้จัดงาน 2 บรรยากาศในที่เดียว มีทั้งเอาท์ดอร์ที่มีสนามหญ้า สวน และต้นสนสีเขียวร่มรื่นมาก รวมถึงอินดอร์สไตล์โรงนาคอทเทจ ที่สามารถรองรับแขกของเราราว 200 ท่านได้ด้วย เรียกว่าสมบูรณ์แบบมาก จนเราเลือกแบบไม่ลังเลเลย
งานหมั้น Homey & Simply จัดเลี้ยงอาหารและแอลกอฮอล์ครบครัน
เราจัดงานหมั้นในห้อง BARN Shop และเพราะสถานที่สวยมากจริง ๆ จึงไม่จำเป็นต้องตกแต่งเยอะเลยค่ะ เราเลือกใช้โทนสีที่ไม่ฉูดฉาด เป็นธรรมชาติ และเข้ากับสถานที่ อย่างธีมสีขาวและสีเขียว โดยตกแต่งแค่ดอกไม้ตรงด้านหลังจุดทำพิธี และภาพวาดขึ้นจอทีวีเท่านั้นค่ะ
งานหมั้นช่วงเช้าเน้นเชิญครอบครัว แขกผู้ใหญ่เครือญาติของเราเป็นหลัก เราจึงให้ความสำคัญกับอาหารมากค่ะ โดยตอนเช้าตรู่ก่อนเริ่มงาน จะมีข้าวต้มหมูสับ และคอฟฟี่เบรก เบเกอรี่เสิร์ฟค่ะ ไม่เพียงเท่านั้น เรายังปล่อยให้แขกได้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันตั้งแต่เช้าเลยค่ะ
เราเริ่มแห่ขบวนขันหมากราว 8 โมงเช้า โดยฝั่งเจ้าบ่าวจะผ่านประตูเงิน-ประตูทองมาเรื่อย ๆ เสร็จแล้วฮอลจะไปเจรจาสู่ขอกับผู้ใหญ่ ก่อนจะมารับตัวอีฟที่นั่งรออยู่ตรงริมน้ำค่ะ จากนั้นจะเดินกลับไป BARN Shop เพื่อทำพิธีมอบสินสอด สวมแหวน รับไหว้ และให้ผู้ใหญ่อวยพรเพื่อความเป็นสิริมงคลค่ะ
หลังจบพิธีนี้ เราเลือกจัดเลี้ยงเป็นซุ้มอาหารปรุงสดชามต่อชาม มีทั้งข้าวหน้าเป็ด ก๋วยเตี๋ยว และข้าวหมูแดง หมูกรอบ ให้แขกได้เลือกทานค่ะ
งานเลี้ยงฉลองสองบรรยากาศ พิธี Vow Ceremony กลางสวนสน และ Sitdown Dinner สุดอบอุ่นในโรงนา
สำหรับการตกแต่งงานเย็นจะมีหลายจุดค่ะ อย่างทางเข้าโซนการ์เด้น มีป้าย Welcome เป็นรูปการ์ตูนบ่าวสาวน่ารัก ๆ ถัดมาเป็นภาพบ่าวสาววางบนขาตั้งค่ะ ส่วนโซนสนามหญ้าจะเป็นจุดไว้ทำ Vow Ceremony เราใช้โครงเหล็กพ่นสีทอง ประดับด้วยพุ่มดอกไม้สีขาวไล่ระดับไปค่ะ อันที่จริงเราอยากใช้พื้นที่นี้จัดเลี้ยง Sitdown Dinner ด้วยค่ะ เพราะสวยถูกใจมาก แต่เราจัดงานช่วงเดือนกันยายน กลัวฝนตก ก็เลยเลือกกินเลี้ยงในห้อง Big Barn แทนค่ะ
ส่วนด้านในโรงนา เราตกแต่งดอกไม้ตามโต๊ะ Long Table และตรงจุดที่บ่าวสาวนั่งด้วย รวมถึงด้านหลังฉาก เราตกแต่งเยอะเป็นพิเศษด้วยพุ่มดอกไม้สีขาวและสีเขียว ชูช่อสูงขึ้นทั้ง 2 ข้างค่ะ
งานนี้ไม่มีแบ็คดรอปถ่ายภาพ เราใช้เพียงพุ่มดอกไม้ของงาน Vow Ceremony ย้ายตำแหน่งมาตั้งใกล้แนวต้นสน ฉากหลังมีแค่ต้นไม้และโรงนาก็ลงตัวแล้วค่ะ ส่วนของชำร่วย เราเลือกเป็นเทียนหอมมี 3 กลิ่น ทั้งโทน Woody และ Fruity ค่ะ
บรรยากาศในงานตั้งใจให้อบอุ่นเหมือนบ้านค่ะ ระหว่างที่รอเข้าพิธี แขกก็สามารถเดินไปถ่ายรูปเล่น นั่งคุย หรือดื่มกันได้ทุกที่ ส่วนเราเองก็พยายามทักทายแขกให้ได้ครบทุกคนค่ะ เพราะทุกคนตั้งใจแต่งตัวสวยหล่อ และเดินทางมาหาเรา เพื่อมาร่วมแสดงความยินดีจริง ๆ เหนื่อยแค่ไหน เราก็จะทำเต็มที่ จะได้ไม่ตกหล่นคนสำคัญ หรือนึกเสียดายภายหลังค่ะ
พิธีในช่วงเย็นของเราเริ่มต้นด้วย Vow Ceremony โดยบ่าวสาวเปิดตัวแยกกันค่ะ ฮอลจะขี่รถฮาร์เลย์เข้ามา ส่วนอีฟเดินมากับคุณพ่อจากฝั่งคาเฟ่ แล้วควงคู่กันเปิดตัวเข้าไปยังจุดทำพิธีค่ะ พิธีเริ่มด้วยการกล่าวคำสัญญาให้กันและกัน ซาบซึ้งจนน้ำตาซึมเลยค่ะ จบแล้วเราจะเดินออกจากจุดทำพิธีผ่านเพื่อนที่โปรยดอกไม้ เพื่อเก็บภาพสวย ๆ แล้วค่อยกลับไปอีกครั้ง เพื่อโยนดอกไม้ ปิดท้ายด้วยการถ่ายรูปกับแขกผู้ใหญ่และเพื่อน ๆ ก่อนจะให้แขกทยอยเข้าไปนั่งกินเลี้ยงสังสรรค์กันต่อในโรงนาค่ะ
พอเข้ามาด้านใน เราเปิดคลิปวิดีโองานหมั้นก่อนค่ะ จบแล้วเราจะเดินคู่กันเข้าไปในงานด้วยบรรยากาศเรียบง่าย แค่ยกมือไหว้แขกและทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยเราไม่ได้ดิมไฟให้มืดลงค่ะ เพื่อให้สามารถมองเห็นคนที่เรารักได้ทั่วงาน
เมื่อถึงที่นั่งของบ่าวสาว ก็เริ่มให้เพื่อน ๆ มาพูด Speech รวม 6 ท่าน เสร็จแล้วจะเปิดคลิปวิดีโอช่วงที่ฮอลเซอร์ไพรส์ขออีฟแต่งงานค่ะ จบคลิปแล้วถึงจะตัดเค้ก ขอบคุณแขก เตรียมเข้าสู่งาน After Party ที่เราไปเปลี่ยนชุด แล้วกลับเข้ามาด้วยการรินแชมเปญทาวเวอร์ จากนั้นก็ปล่อยให้แขกสนุกกับดนตรี และเอ็นจอยไปกับบรรยากาศของงานค่ะ
เราจัดเลี้ยงอาหารบุฟเฟต์ที่เน้นเมนูไทยค่ะ เราชอบอาหารของที่นี่ตั้งแต่ไปเทสต์แล้ว อร่อยทุกเมนูเลยค่ะ ซึ่งโซนวีไอพีจะมีน้อง ๆ พนักงานมาบริการเสิร์ฟให้ วันงานได้รับคําชมจากแขกเยอะเลยค่ะ
งานผ่านไปอย่างราบรื่น มีแต่ความทรงจำดี ๆ ในสถานที่ที่เลือก
เราประทับใจทุกจุดเลยค่ะ ตั้งแต่ทุกทีมงานที่ช่วยทำให้งานผ่านไปได้ด้วยดี ทั้งออแกไนซ์ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์กับสถานที่ ที่ช่วยรันพิธีให้โฟลว์ ชุดเจ้าสาวและช่างแต่งหน้าที่ทำให้เรารู้สึกมั่นใจ ตลอดจนทีมช่างภาพที่เก็บความทรงจําในงานได้สมบูรณ์มากค่ะ
ส่วนสถานที่จัดงาน เราชอบตั้งแต่วันแรกเลยค่ะ มันใช่และตรงใจมาก ซึ่งพื้นที่ไม่ได้แค่สวยงามเพียงอย่างเดียว แต่เราใช้พื้นที่ทุกส่วนได้คุ้มค่ามากจริง ๆ ค่ะ อีกคนสำคัญที่ประทับใจ คือ คุณออย ที่เป็นกันเองและน่ารักมาก เขามาคุมงานด้วยตัวเองเลย คอยดูแลความเรียบร้อยและช่วยอํานวยความสะดวกในจุดต่าง ๆ ทําให้เราอุ่นใจ คลายกังวลมากขึ้น เวลามีอะไรที่เราหลงลืมหรือตกหล่นไป คุณออยก็จะคอยเตือนและแนะนำด้วยค่ะ สัมผัสได้ว่าเขาอยากให้เรามีงานที่สมบูรณ์แบบ
เราดีใจที่ได้เห็นครอบครัวและคนที่รักมาอยู่ในสถานที่ที่เราเลือกเองกับมือ และยังได้จดจำบรรยากาศทุกส่วนที่มีแต่ความทรงจำดี ๆ งานนี้ไม่มีอะไรให้นึกเสียดายเลย แฮปปี้มากค่ะ
คำแนะนำบ่าวสาว
หาสถานที่ถูกต้อง แล้วทุกอย่างจะลงตัว : อันดับแรกต้องหาสถานที่แต่งงานที่ใช่ให้เจอ บ่าวสาวต้องเห็นภาพร่วมกัน เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของกระดุมเม็ดแรก ถ้าเราเลือกถูก ทุกอย่างจะรันไปเองโดยอัตโนมัติ และวันงานจะแฮปปี้จนมองข้ามจุดผิดพลาดเล็ก ๆ ได้
หาทีมออแกไนซ์ที่ทำให้เรามั่นใจ : ออแกไนซ์เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้งานสมบูรณ์ตามที่หวัง อยากให้เลือกทีมงานที่ดีและทำให้เรามั่นใจ เพราะเขาต้องอยู่กับเราตั้งแต่เช้าจนถึงเลิกงาน ที่สำคัญหากได้ทีมงานมาแล้ว ระหว่างนั้นเรามีอะไรกังวลใจ ควรขอคำปรึกษาหรือเปิดใจคุยกันตรง ๆ ให้เขารับรู้ จะได้หาทางแก้ปัญหาร่วมกัน แล้วงานจะออกมาราบรื่น
เลือกทุกสิ่งที่ทำให้แฮปปี้ และไม่เสียดายภายหลัง : ก่อนการเลือกอะไรก็ตาม บ่าวสาวต้องคุยกันก่อน เพราะเราต้องใช้บัดเจ็ตร่วมกัน จากนั้นก็หาสิ่งที่ดีที่สุดสําหรับเราทั้งคู่ เช่น เจ้าบ่าวอยากได้ชุดที่ทำให้มั่นใจก็ให้เขาเลือกเลย หาทีมงานที่เข้ากับสไตล์เรา และมีความมืออาชีพในด้านนั้น ๆ เช่น ช่างภาพก็ควรถ่ายเวดดิ้งโดยเฉพาะ เราจะมีความสุขกับสิ่งที่เลือกและจ่ายไป เมื่อเวลาผ่านไป จะไม่เสียใจภายหลัง
Photographer : Gamour Studio