Wedding Planner คือทีมงานมืออาชีพคอยช่วยคู่รักวางแผนแต่งงานและจัดการเรื่องต่าง ๆ ที่ต้องเตรียมในการจัดงาน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบตกแต่งสถานที่ ช่วยค้นหาและติดต่อกับร้านค้าต่าง ๆ และคอยประสานงานกับร้านค้าและสถานที่จัดงานแต่ง เป็นต้น ว่าที่บ่าวสาวที่อยู่ในขั้นตอนเริ่มเตรียมงานแต่ง เราจะพาไปเช็กว่า คู่ของคุณควรมีเวดดิ้งแพลนเนอร์หรือไม่
1. ใช้ Wedding Planner ถ้าคุณไม่มีเวลา
คู่รักที่มีตารางงานยุ่งมาก มีภาระต้องจัดการหลายอย่าง ไม่มีเวลาเพียงพอสำหรับวางแผนงานแต่งงานอย่างละเอียดถี่ถ้วนทุกดีเทลหรือคุยกับ Vendor เอง แพลนเนอร์จะช่วยจัดการสิ่งต่าง ๆ แทนคุณ ตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกและติดต่อร้านค้าเลยค่ะ ช่วยให้คุณทั้งคู่สามารถมีเวลาไปโฟกัสส่วนสำคัญอื่น ๆ ได้ค่ะ
2. ใช้ Wedding Planner ถ้าฤกษ์กระชั้นชิด
หากคุณมีระยะเวลาเตรียมตัวก่อนถึงวันแต่งงานกระชั้นชิดแค่ไม่กี่เดือน นอกจากจะต้องรีบตัดสินใจแล้ว ยังต้องทุ่มเวลาว่างที่มีอยู่น้อยนิดทำทุกอย่างให้ทัน ซึ่งอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ จุดนี้ถ้ามีแพลนเนอร์ที่มีประสบการณ์มาช่วยจัดการ ก็จะมั่นใจได้ว่าทุกอย่างจะเตรียมเสร็จทันกำหนดการงานแต่งของเราค่ะ
3. ใช้ Wedding Planner ถ้าไม่รู้ขั้นตอน
อาจเป็นเรื่องยากสำหรับบ่าวสาว ถ้าคุณไม่รู้ว่าการจัดแต่งงานจะต้องเริ่มจากตรงไหน ต้องทำอะไรบ้าง เนื่องจากไม่มีประสบการณ์หรือคนใกล้ตัวที่มีความรู้เรื่องนี้ แต่ Wedding Planner ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญจะสามารถช่วยเหลือเราในขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อให้เรามั่นใจว่าเตรียมงานแต่งได้อย่างถูกต้องครบถ้วนค่ะ
4. ใช้ Wedding Planner ถ้างานแต่งใหญ่
การวางแผนงานแต่งงานขนาดใหญ่ที่มีแขกจำนวนมาก ต้องใช้ความรอบคอบและจัดการกับข้อมูลรายละเอียดก้อนโต wedding planner สามารถช่วยจัดการกับความยุ่งยากในการประสานงานงานขนาดใหญ่ได้ ตั้งแต่การจัดหาสถานที่ที่เหมาะสม ไปจนถึงการเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สำหรับแขกค่ะ
5. ใช้ Wedding Planner ถ้าอยากคุมงบ
การมีแพลนเนอร์จะช่วยให้บ่าวสาววางแผนการเงินอย่างเป็นระบบระเบียบ ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าสถานที่ ค่าตกแต่ง หรือค่าอุปกรณ์อื่น ๆ และช่วยให้รู้ว่าสิ่งไหนจำเป็นหรือประหยัดได้ จากประสบการณ์ของแพลนเนอร์ พวกเขาจะเจรจาต่อรองกับร้านค้าต่าง ๆ และให้คำแนะนำเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายบางอย่างที่ไม่จำเป็นได้ค่ะ
6. ใช้ Wedding Planner ถ้าอยากใส่ใจรายละเอียด
สำหรับคู่รักที่ต้องการจัดงานแต่งงานที่มีการวางแผนมาอย่างพิถีพิถัน และใส่ใจรายละเอียดทุกดีเทล แพลนเนอร์ที่มีสกิลการประสานงานในทุกแง่มุมของงานจะช่วยคุณได้มากค่ะ ตั้งแต่การเลือกของตกแต่งตามจุดต่าง ๆ ของชำร่วย ของรับไหว้ การ์ดแต่งงาน ไปจนถึงการวางไทม์ไลน์และแปลนงานโดยละเอียด
7. ใช้ Wedding Planner ถ้ามีไอเดียเยอะ แต่หาข้อสรุปไม่ได้
หากคู่ของคุณมีภาพไอเดียงานแต่งในหัวเยอะมาก จนไอเดียตีกันหรือไม่สามารถตัดสินใจหาข้อสรุปได้สักที สามารถขอคำปรึกษาให้ wedding planner ช่วยเลือกว่าแบบไหนหรือร้านค้าไหนเหมาะกับสิ่งที่เราต้องการมากกว่า หรือราคาดีกว่า ช่วยลดการเสียเวลาจากการลังเลหรือไม่รู้ข้อมูลว่าเลือกแบบไหนดีกว่ากันค่ะ
8. ใช้ Wedding Planner ถ้าต้องดีลกับครอบครัว
นอกจากความต้องการของบ่าวสาวแล้ว ครอบครัวของทั้งคู่มักมีส่วนร่วมรับรู้รายละเอียดและขั้นตอนการเตรียมงานแต่งต่าง ๆ ด้วย ซึ่งการพูดคุยและหาข้อสรุปร่วมกันกับครอบครัวก็เป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญ เวดดิ้งแพลนเนอร์สามารถทำหน้าที่เป็นคนกลาง คอยช่วยอธิบายและพูดคุยกับญาติ ๆ ได้ค่ะ โดยจะมีเทคนิค ข้อแนะนำ เพื่อให้ครอบครัวมีส่วนร่วมกับงานแต่งงานของเราได้
9. ใช้ Wedding Planner ถ้ารู้สึกเครียดมาก
ระหว่างเตรียมงานแต่งงาน บ่าวสาวอาจเกิดความเครียดหรือความกังวล เพราะมีเรื่องที่ต้องตัดสินใจหลายอย่าง รวมถึงกำหนดเวลาที่กระชั้นชิดเข้ามาเรื่อย ๆ wedding planner สามารถช่วยลดความเครียดในการเตรียมงานให้คุณได้ โดยการซัพพอร์ต ให้คำแนะนำ และเพิ่มความมั่นใจให้บ่าวสาว ช่วยให้บ่าวสาวคลายกังวลและมีเวลาไปจัดการเรื่องอื่น ๆ ได้
การตัดสินใจใช้ wedding planner ขึ้นอยู่กับความชอบ ความต้องการ และสถานการณ์ของแต่ละคู่ค่ะ แต่หากเลือกใช้ก็ต้องมองหาเวดดิ้งแพลนเนอร์ที่มีประสบการณ์และความน่าเชื่อถือ จึงจะสามารถฝากงานแต่งของเราให้เขาช่วยดูแล คู่รักที่สนใจอยากใช้แพลนเนอร์ดี ๆ สามารถเลือกดูและอ่านรีวิวได้ที่นี่เลยค่ะ