Photographer : TMPHOTOANEWS
'ได้ฤกษ์เสร็จแล้วทำอะไรต่อดี?' นี่คือหนึ่งในคำถามยอดฮิตของผู้ที่กำลังเตรียมจัดงานแต่งเลยล่ะค่ะ ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่กำลังเป็นว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาว เพิ่งได้ฤกษ์แต่งงานมา แต่ยังไม่แน่ใจว่าควรเริ่มต้นจากอะไรดี? สเต็ปไหนควรทำอะไรบ้าง? SabuyWedding ได้สรุปขั้นตอนต่าง ๆ มาให้แล้วค่ะ อ่านบทความนี้จบ รับรองเตรียมงานแต่งง่ายขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ
1. เลือกรูปแบบการจัดงานแต่ง
สิ่งสำคัญอย่างแรกที่ควรทำในการวางแผนแต่งงาน คือ ควรพูดคุยหารือกันเรื่องรายละเอียดรูปแบบงานแต่งที่ต้องการกับทุกฝ่าย ทั้งระหว่างคู่บ่าวสาวกันเอง และกับครอบครัวให้เรียบร้อยค่ะ โดยขอแนะนำว่าควรหาจุดกึ่งกลางที่ทุกฝ่ายแฮปปี้ แล้วสรุปออกมา ยิ่งรายละเอียดชัด การจัดงานก็จะยิ่งง่ายขึ้น ไปต่อสเต็ปอื่น ๆ ได้สบายเลยค่ะ โดยสิ่งที่ควรหาข้อสรุปให้ได้ในการจัดงานแต่ง ได้แก่
- รูปแบบงาน : หมั้นเช้าเลี้ยงเที่ยง / หมั้นเช้าเลี้ยงเย็น / จัดแยกวันกัน
- การจัดเลี้ยง : ค็อกเทล / โต๊ะจีน / บุฟเฟต์ / Long Table
- พิธีการ : ไทย / จีน / คริสต์ / อื่น ๆ เช่น จดทะเบียนสมรสในงาน
- ธีมงาน เลือกจากสิ่งที่บ่าวสาวชอบ เช่น สีที่ชอบ หนังเรื่องโปรด อาชีพและงานอดิเรกของบ่าวสาว เป็นต้น
2. กำหนดงบในการจัดงานแต่ง
งบประมาณถือเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก ๆ ของการจัดงานแต่งเลยค่ะ เพราะจะเป็นกรอบกำหนดการเลือกร้านค้าและดีเทลต่าง ๆ เราขอแนะนำให้กำหนดงบในใจที่รับได้ให้ชัดเจนก่อน วิธีนี้จะทำให้รู้ว่าควรจะจัดสรรการใช้เงินยังไง ปรับลดหรือเพิ่มส่วนไหนได้บ้าง ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงปัญหางบบานปลาย และอาจเกิดความล่าช้าจากการที่ต้องหาร้านค้าใหม่ที่ตรงตามงบค่ะ
3. จะจัดงานแต่ง ต้องรู้จำนวนแขก
ว่าที่บ่าวสาวจะต้องนับจำนวนแขก ทั้งของเจ้าบ่าวเจ้าสาวและของคุณพ่อคุณแม่ ยิ่งรู้จำนวนเร็วเท่าไหร่ ยิ่งดีเลยค่ะ เพราะจะส่งผลกับการหาสถานที่จัดงานแต่งที่มีขนาดเหมาะสมกับจำนวนแขกของเรา รวมไปถึงการจองอาหารจัดเลี้ยง การสั่งทำการ์ดเชิญและของชำร่วยอีกด้วยค่ะ
4. รีบจองสถานที่จัดงานแต่งและร้านค้าที่ถูกใจ
เมื่อได้ข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ สำหรับเตรียมจัดงานแต่งแล้ว ขั้นต่อไปคือให้เริ่มหาและรีบจองสถานที่ ร้านค้า รวมถึงทีมต่าง ๆ ที่จะมาเนรมิตงานแต่งให้เราค่ะ โดย Top 3 สิ่งที่เราแนะนำให้รีบจองก่อนเลยคือ สถานที่ ช่างแต่งหน้า และช่างภาพค่ะ เพราะเป็นสิ่งคิวเต็มเร็วสุด ๆ จนบางทีต้องจองกันข้ามปีเลยค่ะ นอกจากนี้ใครที่เป็นสายดีเทล ทีมตกแต่งและชุดเจ้าสาวก็เป็นสิ่งที่ควรหาไว้แต่เนิ่น ๆ เช่นกันค่ะ เพราะต้องใช้เวลาดำเนินการ อาจมีการปรับเปลี่ยน แก้แบบ จนกว่าจะได้แบบไฟนอลที่เราถูกใจที่สุดค่ะ
Photo : Smallmoonphoto
5. ถ่าย Pre-wedding เพื่อใช้จัดงานแต่ง
หลังจากจองสถานที่จัดงานแต่งและร้านค้าหลัก ๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ใครที่อยากถ่าย Pre-wedding ช่วงเวลานี้เหมาะมาก ๆ เลยค่ะ เพราะเป็นช่วงที่บ่าวสาวยังพอมีเวลา หลังจากได้รูปพรีเวดดิ้งมาแล้ว จะได้วางแผนต่อว่าจะนำรูปไปตั้งเป็นแกลเลออรี่ในวันงาน หรือไปใช้ใน Presentation ถ่ายทอดออกมาเป็นวิดีโอให้แขกได้ชมกัน ยิ่งมีเวลาเหลือ ยิ่งคิดสตอรี่ดี ๆ สนุก ๆ ได้ค่ะ
6. ช่วงเตรียมจัดงานแต่ง ก็เริ่มแจกการ์ดได้เลย
ควรแจกการ์ดแต่งงานโดยเผื่อเวลาล่วงหน้าประมาณ 1-3 เดือนค่ะ อย่าแจกกระชั้นชิดวันงานจริงมากเกินไป เผื่อให้แขกได้มีเวลาวางแผนตารางชีวิต เผื่อใครต้องลางานหรือเดินทางไกลมาร่วมงาน จะได้ไม่เกิดปัญหาแขกคนสำคัญของเราติดธุระค่ะ และในจังหวะนี้ จะขอให้ใครมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาว มาช่วยจัดงานแต่งและจัดการภารกิจในวันงานให้ ก็รีบทาบทามตัวกันไว้ได้เลยค่ะ เพื่อน ๆ จะได้มีเวลาเตรียมชุดสวย ๆ และบรีฟงานกันได้ทันค่ะ
7. เช็กรายละเอียดการจัดงานแต่งโค้งสุดท้าย
แม้ว่าตอนเตรียมงาน จะมีการเช็กงานอยู่เป็นระยะ แต่ก่อนวันงานจริงประมาณ 1-2 สัปดาห์ บ่าวสาวควรมีเช็กลิสต์เก็บรายละเอียดงาน โทรคอนเฟิร์มนัดวัน เวลา สถานที่กับร้านค้าต่าง ๆ อีกครั้ง หากขาดเหลือหรือต้องแก้อะไรตรงไหน จะได้มีเวลาจัดการได้ทัน วันงานจะได้สมบูรณ์แบบที่สุด และไม่ต้องกังวลปัญหาหน้างานด้วยค่ะ
หวังว่าขั้นตอนต่าง ๆ ที่เรานำมาฝากว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังเตรียมตัวจัดงานแต่งของตัวเองอยู่นี้ จะช่วยให้เพื่อน ๆ เห็นภาพรวมของการเตรียมงาน และรู้ว่าจะต้องจัดหาอะไรบ้างในงานแต่งนะคะ สำหรับใครที่อยากได้ CHECKLIST เตรียมงานแบบละเอียด บอกหมดทุกสเต็ป คลิกที่นี่เพื่อล็อกอินเข้าบนหน้าเว็บ SabuyWedding แล้วใช้ฟีเจอร์นี้ฟรี! ได้เลยค่ะ