Impact Wedding สถานที่แต่งงานที่ทุกคนรู้จัก รองรับความจุแขกหลากหลาย ในราคาไม่เกินเอื้อม
ตอนแรกภัสและณัฐ (เจ้าบ่าว) อยากได้สถานที่แต่งงานฟีลคาเฟ่ แต่ก็ไม่สามารถรองรับแขกประมาณ 150-200 คนได้ หรือบางสถานที่ก็รู้สึกว่าราคาค่อนข้างแรง แล้วก็นึกถึง Impact Wedding (อิมแพ็ค เวดดิ้ง) ขึ้นมาว่าสามารถจัดงานแต่งงานได้ เพราะตั้งแต่สมัยเรียน ณัฐได้ไปเป็น Volunteer งานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เลยรู้ว่าที่นี่มีห้องประชุมเยอะ
หลังจากติดต่อและนัดเจอฝ่ายขายเพื่อพูดคุยเรื่องสถานที่ พี่กบ ก็พาดูทุกห้องเลย เราเลือกห้อง Sapphire 115-118 ค่ะ เพราะขนาดสามารถจุแขกได้พอดี สีถูกใจเราสองคน แถมเป็นส่วนตัวด้วย การเดินทางก็สะดวก ที่จอดรถเพียงพอ ราคาอยู่ในงบ รายละเอียดแพ็กเกจ อาหาร หรือของแถมที่ได้ก็คุ้มค่า ที่สำคัญคือไม่มีใครไม่รู้จัก เราเลยตกลงจัดงานแต่งที่นี่ค่ะ
ตกแต่งสไตล์มินิมอล แต่ไม่ธรรมดา แมตช์สีทุกอย่างออกมาให้ดู Natural
เราเริ่มต้นตกแต่งงานจากโทนสี ซึ่งเราสองคนชอบสีฟ้า คิดไว้จะใช้โทนฟ้า น้ำเงิน ขาวทั้งงาน แต่พอถ่ายรูปออกมาแล้วจะดูกลืนเกินไป ประกอบกับห้องจัดงานเป็นสีน้ำตาล-ขาว เราเลยคิดคอนเซ็ปต์ขึ้นมาใหม่ว่าจะใช้สีของห้องเป็นแบ็คกราวน์ เปรียบเหมือนสีของพื้นดิน ต้นไม้ ส่วนของตกแต่งหรือแบ็คดรอปในงานเลือกใช้เป็นสีขาว-เขียว เพื่อให้ความรู้สึก Natural ค่ะ ส่วนเดรสโค้ดเราใช้เฉดสีฟ้าและน้ำเงิน พอรวม ๆ กันจะเหมือนทะเลหรือท้องฟ้าค่ะ เวลาถ่ายรูปออกมาจะได้โดดเด่นขึ้น
ในส่วนของโถงรับแขกและแบ็คดรอป อิมแพ็คช่วยจัดการให้หมดตามที่เราเลือก อย่างตรงแกลเลอรี่สองข้างทางเดิน เราวางกรอบรูปบนขาตั้งธีมสีขาว-ครีม ตกแต่งดอกไม้และประดับไฟเล็กน้อย ตั้งใจใช้รูปไม่เยอะ เพราะกลัวว่าจบงานแล้วจะไม่มีที่เก็บ
ส่วนตรงจุดลงทะเบียนเป็นโทนสีขาว คาดตัดด้วยผ้าโปร่งสีฟ้า และมีแยกโต๊ะกลมออกมาเป็นจุดเขียนข้อความอวยพรบ่าวสาวโดยเฉพาะเพื่อความเป็นส่วนตัวด้วยค่ะ ของชำร่วยเลือกเป็นน้ำผึ้ง แพ็กเกจจิ้งขวดแบน ตกแต่งโทนสีฟ้า น้ำเงิน และเทา เพื่อเพิ่มความหรูหราค่ะ
เรามีโจทย์สำหรับแบ็คดรอปไว้ว่าอยากได้แบบโรยผ้าและมีดอกไม้ เลือกเป็นสีขาว-เขียว โดยเน้นสีขาวเป็นหลักค่ะ เราหาตัวอย่างจากใน Pinterest แล้วดูประกอบกับชุดแต่งงานว่าเข้ากันไหม ซึ่งอิมแพ็คก็จัดออกมาค่อนข้างตรงกับเรฟที่อยากได้เลยค่ะ อีกอย่างทีมอิมแพ็คชอบเล่นกับงานผ้า เราเลยเลือกนำสิ่งที่เขาพรีเซนต์มาใช้กับงานของเราค่ะ
บนเวทีเราตกแต่งแบบมินิมอล แต่มีลูกเล่นที่ไม่ใช่แค่ผ้าธรรมดา เลยใช้แบ็คดรอปสีขาว ติดโลโก้บ่าวสาวสีน้ำตาลซอฟต์ ๆ ถ่ายรูปออกมาจะได้ดูละมุน และออนท็อปด้วยดอกไม้นิดหน่อย โดยจะเน้นเป็นธีมสีขาว-เขียวเหมือนกันค่ะ
พิธีฉลองสุดอบอุ่นในวันคริสต์มาสอีฟ ใส่ใจแขกทุกคนในทุกดีเทล
เราสองคนเคยไปงานแต่งเพื่อนแล้วรู้สึกว่าพิธีช่วงเช้าไม่เหมาะกับพวกเรา ทั้งต้องตื่นเช้าหรือพิธีการเยอะ เราเลยรวบรัดตัดตอน โดยคุยกับครอบครัวแล้วว่าจะไม่มีพิธียกน้ำชาและพิธีไทยนะ มีแค่ฉลองอย่างเดียว ฟีลลิ่งเหมือนเชิญทุกคนมากินข้าวช่วงเย็น จะดูอบอุ่น ๆ ในวันคริสต์มาสอีฟค่ะ
งานของเราแขกเริ่มทยอยมาถึงประมาณ 5 โมงครึ่ง เพื่อจะได้มีเวลาถ่ายรูปร่วมกับบ่าวสาวก่อน และก็มีถ่ายโฟโต้บูธกันด้วย เมื่อแขกเริ่มมากันครบ พิธีจะเริ่มขึ้นด้วยเราสองคนเดินเปิดตัวเข้าไปและขึ้นเวที เราไม่ได้มีประธานในงาน แต่จะให้คุณพ่อคุณแม่มาอวยพร และเชิญแขกคนสำคัญ เช่น หัวหน้า อาจารย์ ขึ้นมากล่าวอวยพรด้วยค่ะ
สัดส่วนแขกของเราจะมีทั้งผู้ใหญ่และเพื่อนครึ่ง ๆ เลยค่ะ เราเลยเลือกเล่นเกม Blooket แข่งตอบคำถามกันด้วยความถูกต้องและรวดเร็ว เพื่อให้ทุกคนเอ็นจอยร่วมกัน ผู้ชนะ 3 อันดับแรกจะได้ของรางวัลเป็นแก้ว Starbucks เพราะเป็นสิ่งที่เราชอบและยังใช้จริงได้ด้วย หลังจากนั้นเราก็ตัดเค้กและนำไปมอบให้คุณพ่อคุณแม่ ส่วนพวงมาลัยคล้องคอบ่าวสาวตามแบบงานอื่น เราไม่ค่อยอินเท่าไร เลยเปลี่ยนเป็นพวงมาลัยคล้องข้อมือให้พ่อแม่แทนค่ะ
หลังจากนั้นเพื่อนที่บ่าวสาวสนิทที่สุด 2 คน จะขึ้นมาพูดอวยพรและแสดงความยินดีกับเรา ต่อด้วยการโยนช่อดอกไม้ จากนั้นก็ปิดพิธีด้วยการกล่าวขอบคุณแขก พร้อมพูดความรู้สึกต่อกันระหว่างบ่าวสาวค่ะ
สำหรับการจัดเลี้ยง เราเลือกใช้ผสมกันระหว่างโต๊ะกลม 4 โต๊ะด้านหน้า สำหรับญาติและแขก VIP ส่วนเพื่อน ๆ จะจัดเป็น Long Table ค่ะ ส่วนอาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ เพราะคิดว่าถ้าเป็นโต๊ะจีน แขกอาจจะไม่สบายใจที่ต้องนั่งกับคนอื่นหรือต้องนั่งแยกกันค่ะ อาหารในงานก็จะเลือกจากที่บ่าวสาวชอบ โดยระวังอาการแพ้และศาสนาของแขกด้วยค่ะ ได้แก่ ข้าวผัดหยางโจว ซุปไก่เยื่อไผ่ ลูกชิ้นกุ้งโสภณ ลูกตาลลอยแก้ว ขนมไทย เค้ก เป็นต้น
ก่อนหน้านี้เราไม่ได้มีเวลาถ่ายรูปคู่กันเลย เลยใช้เวลาหลังพิธีจบ ออกมาถ่ายรูปด้วยกันด้านนอก แล้วไปเปลี่ยนชุดอาฟเตอร์ปาร์ตี้ค่ะ เมื่อเข้ามาในงาน เราก็จะเริ่มด้วยการรินแชมเปญเปิด จากนั้นก็สนุกกับเพื่อน ๆ โดยมีวงดนตรีเอนเตอร์เทนยาวไปจนจบงานเลยค่ะ
บ่าวสาวประทับใจทุกวินาที งานออกมาดีได้เพราะมีทุกคน
โมเมนต์ที่ณัฐรู้สึกประทับใจคือก้าวแรกที่เดินเข้ามาสู่งาน รู้สึกตื้นตันเมื่อนึกได้ว่าเราเข้ามาอยู่ ณ โมเมนต์แต่งงานแล้ว ส่วนภัสประทับใจทุกวินาทีเลยค่ะ เพราะงานออกมาโอเคมาก ทุกคนช่วยเหลือเราทุกอย่าง ย้อนกลับไปดูรูปวันนั้นก็รู้สึกว่าดีเกินกว่าที่คาดเอาไว้ เพราะงานแต่งก็คงต้องมีข้อผิดพลาดบ้าง แต่วันนั้น smooth จนทำให้เราไม่ต้องกังวล ปล่อยจอยได้เลยค่ะ
ด้วยความที่เราไม่มีเวดดิ้งแพลนเนอร์ ดังนั้นหลัก ๆ แล้วทางอิมแพ็คเลยจัดการให้ ทุกอย่างที่เราอยากได้ พี่กบเป็นผู้ประสานงานให้เราทุกเรื่อง คอยช่วยวางแพลนและให้คำแนะนำอย่างจริงใจ ทำให้เกิดเป็นงานวันนั้นได้ และคอยช่วยเหลือจนจบงานเลยค่ะ ส่วนทีมงาน ก็มีประสบการณ์จัดงานอีเวนต์มาเยอะ เลยมีความเป็น Professional มาก ๆ
รวมถึงต้องขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ช่วยเหลือหลายอย่าง ทั้งประสานงาน และแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ส่วนคุณพ่อคุณแม่เองก็เป็นสายซัพพอร์ท เห็นด้วยกับทุกอย่างที่เราเลือกเลย ด้วยความช่วยเหลือของทุกคนจึงทำให้งานออกมาดีได้ค่ะ
คำแนะนำสำหรับบ่าว-สาว
ร่วมมือกันสร้างงานแต่งงาน : งานแต่งงานเป็นเรื่องของคน 2 คน ที่จะร่วมกันสร้างงานวันนั้นขึ้นมา อยากให้คอยช่วยเหลือกัน เพราะหลังจากงานแต่งเสร็จสิ้นไปแล้ว จะสร้างความภูมิใจให้เราได้มาก ๆ
คุยกับผู้ใหญ่ให้ดี : ถ้าอยากจัดงานแต่งจากความชอบ และตัดพิธีบางอย่างออกไปเหมือนคู่เรา จะต้องไปพูดคุยกับทางผู้ใหญ่ก่อนว่า เขาโอเคไหมที่เราจะทำแบบนี้
จัดงานตามบัดเจ็ท : ไม่จำเป็นต้องจัดงานแต่งใหญ่เกินไป แต่ควรดูจากความพร้อมของบัดเจ็ทเรา หรือถ้าอยากจัดงานแบบจัดเต็มจริง ๆ อาจจะต้องวางแผนการเงินล่วงหน้าสักปี ควบคู่ไปกับการมองหาสถานที่ต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์
ควรเตรียมงานอย่างน้อย 1 ปี : เรารู้สึกว่าเวลา 10-11 เดือนน้อยไปด้วยซ้ำ เพราะต้องมีเวลาในการเก็บเงินด้วย ไม่ใช่ว่าได้งานแต่งที่ใช่ แต่เงินช็อตไปอีกนาน รวมถึงต้องบริหารการเงินให้ดี อย่าลืมสำรองเงินฉุกเฉินสำหรับเรื่องอื่น ๆ ในชีวิตไว้ด้วย
Photographer : Monique Wedding
พบโปรโมชั่นพิเศษสำหรับคุณ!
แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
สิทธิพิเศษสำหรับเจ้าสาว SabuyWedding
หรือเลือกดูโปรโมชั่นตามประเภทร้าน
พบโปรโมชั่นพิเศษสำหรับคุณ! (1 รายการ)