ในช่วงเตรียมงานแต่งเราต่างยุ่งทั้งคู่ เนื่องจากไอซ์ซิ่งเป็นแพทย์ ประกอบกับเกม (เจ้าบ่าว) ไปทำงานต่างประเทศพอดี การใช้เวดดิ้งแพลนเนอร์น่าจะตอบโจทย์คู่เราได้ดีที่สุดค่ะ ซึ่งเราเลือกทีม PaR Wedding Planner (พาร์ เวดดิ้ง) เข้ามาดูแลงานแต่งให้ เหตุผลเพราะถูกชะตากับพี่เส่ย ที่น่ารัก กันเอง ตรงไปตรงมา ให้คำแนะนำดี ตั้งแต่ข้อมูลงานแต่ง ไปจนถึงช่วยจัดสรรงบให้เราด้วยค่ะ
จัดงานหมั้นสวยงามตามประเพณี สุขใจทุกฝ่าย
เราจัดงานแต่งที่ The Berkeley Hotel Pratunam เพราะเป็นโรงแรมที่ถูกใจทั้งเราและคุณแม่ ซึ่งท่านเคยมาทานอาหารแล้วติดใจในความอร่อย ส่วนไอซ์ซิ่งชอบห้องจัดงานเพดานสูง และที่จอดรถกว้างขวาง การเข้าถึงตัวโรงแรมจากที่จอดรถก็ง่าย ไม่สับสนค่ะ
สำหรับงานหมั้น เราตกแต่งแค่บริเวณเวทีที่ใช้ Flower Stand ตั้ง 2 ข้าง ประดับดอกไม้สีอ่อนอย่างสีพีชและสีขาว เพื่อความสวยหวาน สบายตาค่ะ
ส่วนพิธีการเน้นความเป็นไทย เริ่มด้วยใส่บาตรตรงจุดไฮไลท์ของโรงแรม คือหน้าห้องกระจกที่มีต้นไม้ ตามด้วยทำพิธีสงฆ์และแห่ขันหมาก หลังจากนั้น เกมมารับไอซ์ซิ่งตรงชานพักบันได และกลับมาทำพิธีมอบสินสอด สวมแหวน ทานขนมอี๋ ที่พี่เส่ยเสนอไอเดียให้ครอบครัวเราทานขนมไปพร้อมกันด้วย จะได้เก็บโมเมนต์น่ารัก ๆ และอบอุ่นไว้ค่ะ
ปิดท้ายด้วยการรดน้ำสังข์ และหลังจบพิธี เราแจกของชำร่วยเป็นคัพเค้กผ้าขนหนูกลิ่นหอม เพราะคุณแม่มีความเชื่อว่าควรแจกอะไรหอม ๆ ให้แขกเพื่อความเป็นสิริมงคลค่ะ
งานฉลองธีม ‘เจ้าหญิง’ สวย Glam แซมหวาน
สำหรับงานเย็น เราได้ทีมพี่เส่ยมาดูแลการตกแต่งเองเลย ซึ่งนับว่าเป็นคู่แรก ๆ ที่ได้เขาจัดให้ค่ะ ซึ่งไอซ์ซิ่งมีธีมชัดมากว่าอยากได้งานสไตล์ 'เจ้าหญิง' สวยหวาน ละมุน จึงใช้โทนสีขาว ชมพูอ่อน พีช และทอง ซึ่งได้คุณแม่มาช่วยออกแบบ ส่วนพี่เส่ยจะคอยปรับประยุกต์ เพื่อให้งานเราสวยสมบูรณ์ยิ่งขึ้นค่ะ
อย่างโถงรับรอง โซนแกลเลอรีบ่าวสาว และแบ็คดรอปถ่ายภาพ จะดีไซน์ให้โครงทรงโค้ง และนำผ้ามาใช้เพื่อความละมุน นุ่มนวล ตลอดจนใส่เสาโรมันและซุ้มประตูโค้ง ให้ได้ฟีลเทพนิยายค่ะ
ในห้องบอลรูม ออกแบบฉากหลังเป็นรูปหัวใจซ้อนกันหลายเลเยอร์ ส่วนชื่อบ่าวสาวก็เลือกฟอนต์ให้ดูดิสนีย์หน่อยค่ะ ไอซ์ซิ่งเติม 'ดอกเดซี่' เข้าไปในการตกแต่งด้วย เพราะมีความหมายเป็นดอกไม้ประจำตัว ซึ่งคุณแม่เคยคิดหาดอกไม้เอาไว้ให้ลูกทุกคนค่ะ เราทำหลายขนาดมาตกแต่งทั้งบนเวที แบ็คดรอป และแกลเลอรี รวมถึงบนตัวเค้กด้วยค่ะ
นอกจากนั้นยังเพิ่มกิมมิกตรงซุ้มไอศกรีมที่นำเข้ามาด้วย โดยน้องของไอซ์ซิ่ง 2 คนมาดีไซน์ฝาไอศกรีมและป้ายบอกรสชาติที่ใส่สัญลักษณ์ดอกเดซี่ไว้ด้วยค่ะ ส่วนของชำร่วยอย่างช้อนด้ามโดนัท ก็ยังเป็นตัวเองค่ะ เพราะส่วนตัวชอบกินขนมหวานมาก แถมเข้ากับชื่อไอซ์ซิ่งที่เป็นส่วนผสมในการทำขนมด้วยค่ะ
เรายังใส่ใจเลือกชุดแต่งงานให้เข้าธีม สร้างฟีลเหมือนเจ้าหญิงและเจ้าชาย โดยเกมใส่ชุดทักซิโด้สีขาว ปกดำค่ะ เพราะอยากให้ชุดเจ้าบ่าวดูโดดเด่นด้วย เนื่องจากชุดเจ้าสาวเล่นใหญ่มาก ถ้าชุดเจ้าบ่าวดีไซน์ธรรมดาอาจโดนกลบได้ค่ะ
ส่วนกำหนดการ ไอซ์ซิ่งอยากให้คิวเปิดตัวดูอบอุ่น จึงเลือกเดินเข้ามาพร้อมคุณพ่อคุณแม่ และเกมรอรับตัวเดินไปขึ้นเวที โดยมีประธานกล่าวคำอวยพร ตามด้วยคุณพ่อ คุณแม่ของเราทั้งคู่ และเป็นบ่าวสาวพูดความในใจค่ะ
หลังจากนี้จะเป็นช่วงคนสนิทมาพูด Speech กันค่ะ มีทั้งคุณครูประจำชั้นสมัยเรียนห้องเดียวกัน พี่ของเราสองคน รวมถึงเพื่อน ๆ เสร็จแล้วก็ไปตัดเค้ก กลับมากราบคุณพ่อและคุณแม่ ซึ่งก็เป็นอีกซีนที่แขกชมและชอบว่างานดูอบอุ่นดี จากนั้นก็โยนช่อดอกไม้ค่ะ
การจัดเลี้ยงเราเลือกเป็นบุฟเฟ่ต์และซุ้มอาหาร เช่น เมนูเป็ดปักกิ่ง เครปเย็น แขกชมเยอะว่าอาหารอร่อยค่ะ ทำให้คุณแม่ภูมิใจ เพราะเป็นสิ่งที่ท่านนำเสนอไว้ตั้งแต่แรกค่ะ
บ่าวสาวปลื้ม งานสวยเกินความคาดหมาย
งานนี้มีแต่ความประทับใจ ตั้งแต่เห็นแขกใส่ชุดเฉดสีเดียวกัน มองไปทางไหนก็ปลื้มค่ะ Vendor ทุกทีมทำงานดีมาก ทั้งทีมวีดิโอ ช่างภาพ ที่ถ่ายภาพออกมาสวยและเข้าถึงอารมณ์ ส่วนวงดนตรีทรีโอ้แบนด์ก็ร้องดี แขกชอบมากค่ะ โฟโต้บูธก็ดีงาม นอกจากจะช่วยทำให้แขกมีกิจกรรม ลดเวลายืนต่อคิวถ่ายภาพกับบ่าวสาวแล้ว เพื่อนยังบอกว่าภาพออกมาสวย จนต้องเวียนถ่ายซ้ำค่ะ
อีกอย่างที่ปลื้มมากคือทีมพี่เส่ยค่ะ เราชอบตั้งแต่การตกแต่ง ตอนเห็นภาพ 3D ว่าสวยแล้ว เจอของจริงเข้าไป สวยเกินฝันมากค่ะ รวมถึงความใส่ใจ คอยดูแลบ่าวสาว จัดกระโปรงให้ไอซ์ซิ่งเวลาเปลี่ยนอิริยาบถ เวลาถ่ายภาพจะได้ออกมาสวย ๆ และที่ต้องชมจริง ๆ คือรันคิวเป๊ะ ลำดับลื่นไหล ราบรื่น จนเราไม่ต้องกังวลใจ ยังคิดเลยว่าถ้าไม่มี Par Wedding Planner คงแย่แน่ เพราะเขาดูแลให้ทุกอย่าง ทำให้มีแต่ความทรงจำดี ๆ ค่ะ
คำแนะนำสำหรับบ่าว-สาว
ควรไปสำรวจสถานที่แต่งงานด้วยตัวเอง : ไม่ว่าเราจะลิสต์ไว้กี่ที่ก็ควรไปดูสถานที่จริงให้ครบ และควรเช็กให้ละเอียดว่าแต่ละที่เป็นอย่างไร รวมถึงดูสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ที่จอดรถ ห้องน้ำ
Vendor งานแต่งควรจองล่วงหน้า 6 เดือน – 1 ปี : หากบ่าวสาวให้ความสำคัญกับสิ่งไหน ควรรีบจองสิ่งนั้นล่วงหน้าอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี เช่น ช่างแต่งหน้า ช่างภาพ ยิ่งถ้าทีมงานที่เราอยากได้ค่อนข้างดัง ก็ยิ่งมีโอกาสเต็มไว ทั้งนี้ อย่าลืมดูรีวิวในโซเชียลว่าผลงานและการทำงานเป็นอย่างไรด้วย
สิ่งสำคัญที่ควรมี คือ เวดดิ้งแพลนเนอร์ หรือออแกไนซ์ : บางอย่างเราจำเป็นต้องใช้มืออาชีพมาช่วยจัดการ อย่างเวดดิ้งแพลนเนอร์ หรือออแกไนซ์ เพื่อสร้างความสบายใจ ช่วยจัดการและแก้ปัญหาต่าง ๆ ทำให้งานแต่งเป็นเรื่องง่าย และวันแต่งงานบ่าวสาวจะได้ไม่ต้องกังวลอะไร
Credits & ร้านค้าแนะนำในบทความนี้
Wedding Planner:
PaR Wedding Plannerสถานที่แต่งงาน:
The Berkeley Hotel Pratunam