Phothalai Bangkok สถานที่จัดงานแต่งงานโดดเด่นด้วยพื้นที่กว้างขวาง มุมสวยหลากหลายในหนึ่งเดียว
เพิร์ลกับกันต์ (เจ้าบ่าว) เคยมางานแต่งของเพื่อนที่นี่ แล้วชอบความสวยของสถานที่ ซึ่งมีหลากหลายบรรยากาศ ทั้งโซนเอาท์ดอร์อย่างสวน น้ำตก และลำธาร สามารถรับแสงธรรมชาติได้ ขณะเดียวกันก็มีพื้นที่อินดอร์และห้องจัดงานด้วย ช่วยทำให้งานสวยแบบไม่จำเจ แถมได้รูปหลากหลายทั้งที่อยู่ในสถานที่เดียวค่ะ ด้วยความที่เราอยากได้บรรยากาศแนวนี้เป็นทุนเดิม จึงคิดว่า Phothalai Bangkok (โพธาลัย กรุงเทพฯ) เป็นที่ที่เราอยากจัดงานแต่งค่ะ
ละมุนตาน่ารักด้วยสี Blush Pink & Sage Green และตัวการ์ตูนที่วาดเอง
เราอยากให้งานดูสบายตาและอ่อนหวาน จึงเลือกโทนสีพาสเทลอย่าง Blush Pink & Sage Green ค่ะ ซึ่งโชคดีที่ทางโพธาลัยดูแลเรื่องการตกแต่งให้ เลยไม่ต้องดีลงานหลายฝ่าย สามารถคุยทั้งเรื่องสถานที่และการตกแต่งทีเดียวได้เลย โดยเราแค่บอกธีมสี ส่งตัวอย่างคร่าว ๆ รวมทั้งส่งโลโก้ที่เราดีไซน์เองไปให้ค่ะ
งานแต่งของเราใช้ทั้งพื้นที่เอาท์ดอร์และอินดอร์ ดังนั้นการตกแต่งจึงมีหลายส่วนมาก ซึ่งเราแบ่งเป็น 3 ส่วนตามพิธีการ อย่างสวนการ์เด้นออฟอีเดนไว้ทำพิธีแลกแหวน เราจัดเก้าอี้เรียงแบบเธียร์เตอร์และตกแต่งพุ่มดอกไม้ตลอดทางเดิน ตรงใกล้จุดทำพิธีก็มีพุ่มดอกไม้ทรงสูงชูช่อขึ้นมาจากพื้นทั้งสองข้างด้วยค่ะ
ถัดมายังโถงทางเดินเข้าสู่อาคารจัดงาน เราตั้งภาพบ่าวสาวเรียงรายตลอดทาง พอเดินเข้าไปภายในจะเห็นแบ็คดรอปถ่ายภาพ ที่ตกแต่งด้วยฉากสีขาวซ้อน 2 ชั้นให้มีเลเยอร์ จัดองค์ประกอบดอกไม้จากขอบฉากไล่มาบรรจบกันตรงกลาง และเสริมดอกไม้ที่พื้นให้ดูเต็มขึ้นด้วยค่ะ
ในห้องหมั้นเราตกแต่งเพียงเล็กน้อย มีโลโก้บ่าวสาว และพุ่มดอกไม้ด้านหน้าเวทีเท่านั้นค่ะ ส่วนห้อง 'บาซิลิกา' สวยอยู่แล้ว เราจึงตกแต่งแค่ Flower stand ไล่ระดับ 2 ข้าง ติดป้ายชื่อ และนำดอกไม้ไปตกแต่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามโต๊ะตั้งเค้กและโต๊ะของแขกค่ะ
อีกสิ่งที่เราให้ความสำคัญก็คือ การจัดโต๊ะ เพราะอยากให้แขกมีที่นั่งทุกคน จึงต้องวางเลย์เอาท์ให้พอดีกับจำนวนแขกและดูไม่แน่นเกินไปด้วยค่ะ เราจึงเลือกจัดทั้งโต๊ะกลมและ Long Table ที่ได้ทางโพธาลัยช่วยแนะนำการจัดโต๊ะให้ลงตัวกับจำนวนแขกที่สุดค่ะ
นอกจากนี้ เรายังอยากใส่ตัวตนของเราเข้าไป อย่างเพิร์ลชอบวาดรูป ก็เลยใช้ตัวการ์ตูนของเราสองคนที่เพิร์ลวาดเอง สอดแทรกไว้ในจุดต่าง ๆ ทั้งป้าย Welcome Mirror, ของรับไหว้, การ์ดงานแต่ง และสมุดอวยพรค่ะ
พิธีการสองความเชื่อ จีน-คริสต์ ปิดท้ายด้วยงานฉลองแบบอบอุ่นกันเอง
งานของเราขนาดกำลังดี มีแค่คนในครอบครัวและเพื่อน ๆ ราว 200 คน เลยทำให้บรรยากาศไม่ได้ดูทางการมากนัก และเราเองก็ทำพิธีค่อนข้างกระชับด้วย เพียงแต่จะทำพิธีหลายศาสนาหน่อยค่ะ เริ่มต้นด้วยพิธีหมั้นแบบจีนที่ไม่มีแห่ขันหมาก แต่กันต์จะมารับตัวเพิร์ลซึ่งนั่งรออยู่โซนเอาท์ดอร์ และเดินกลับมาทำพิธีมอบสินสอด ทานขนมอี๋ และยกน้ำชาค่ะ
เสร็จแล้วเราไปเปลี่ยนจากชุดหมั้นจีนสีแดงเป็นชุดแต่งงาน เพื่อทำพิธีทางศาสนาคริสต์และ Vow Ceremony กันต่อที่สวนค่ะ โดยกันต์จะนำขบวนเพื่อน ๆ เข้าไปก่อน ตามด้วยเด็ก ๆ Flower Girl มาโปรยดอกไม้ ถึงเป็นคิวเพิร์ลเดินเข้ามาพร้อมคุณแม่ค่ะ ซึ่งกันต์จะเดินมารับเพื่อไปยังแท่นพิธีที่มีศิษยาภิบาลมาดำเนินพิธีทางศาสนาคริสต์ จากนั้นเรากล่าวคำปฏิญาน และแลกแหวนกัน เรียบร้อยแล้วก็จะไปที่งานเลี้ยงฉลองต่อค่ะ
หลังเสร็จจากถ่ายรูปตรงแบ็คดรอป เมื่อเปิดวีดีโอพรีเซนเทชั่นจนจบ เราก็เปิดตัวเข้าไปในห้องบาซิลิกาด้วยกัน โดยงานนี้ไม่มีประธานค่ะ เพราะอยากให้งานออกมาดูอบอุ่น เป็นกันเองมากกว่า ก็เน้นคุยนิดหน่อย ต่อด้วยคุณพ่อคุณแม่และเพื่อนบ่าวสาวมาอวยพรจากที่นั่งกันเลย รวมแล้ว 5 คนค่ะ
จากนั้นก็เข้าสู่คิวเทชาไทยทาวเวอร์ค่ะ เราสองคนเปลี่ยนจากแชมเปญเพราะไม่ดื่มแอลกอฮอล์ และชอบเมนูชาไทยกันมาก เลยดึงมาเป็นกิมมิกในงานค่ะ จากนั้นก็รีแลกซ์ ทานข้าวร่วมกันกับเมนูบุฟเฟต์ที่มีหลากหลาย ทั้งปลากะพงลุยสวน ไก่อบซอสพริกไทยดำ กุ้งทอดครีมสลัด ซูชิ และข้าวเหนียวมะม่วง ซึ่งเป็นเมนูที่คนชมเยอะมาก และยังมีเนื้อสันนอกเทอริยากิที่คนก็ชอบ และเป็นเมนูแรก ๆ ที่หมดเกลี้ยงแบบไวมากค่ะ
บ่าวสาวใจฟู งานไซส์เล็ก แต่อัดแน่นด้วยรัก
เราชอบทุกอย่างในงาน ตั้งแต่การได้เห็นครอบครัวและญาติ ไปจนถึงเพื่อน ๆ ที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานาน ได้มาอยู่รวมกันค่ะ ด้วยบรรยากาศดี ๆ และอบอุ่น ทำให้เรามีความสุขมาก ๆ ค่ะ
ส่วนต่อมาประทับใจอาหารอร่อย สถานที่สวยถูกใจ และทีมงานของโพธาลัยก็ดีมาก ๆ ค่ะ เขาขนทีมสต๊าฟมาช่วยเยอะมาก บางส่วนก็มาดูแลตั้งแต่ตีสามเลย ด้วยบริการแบบมืออาชีพจึงทำให้เราหมดห่วงค่ะ แถมทางสถานที่เองก็เป็น One Stop Service หากใครคิดว่าจะไม่ใช้เวดดิ้งแพลนเนอร์ เราว่าที่นี่ตอบโจทย์มาก ๆ ค่ะ
คำแนะนำสำหรับบ่าว-สาว
ควรเตรียมงานอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป : ไม่อยากให้บ่าวสาวชะล่าใจ เพราะการจองทีมงานต่าง ๆ โดยเฉพาะทีมสำคัญอย่างโรงแรม ช่างแต่งหน้า ตากล้อง ควรจองล่วงหน้าก่อนคิวเต็มอย่างน้อย 6 เดือน – 1 ปี ซึ่งถ้าเรามีเวลานานหน่อย ก็จะมีเวลาเฟ้นหาตัวเลือกที่ถูกใจมากขึ้นด้วย
จำนวนแขกมีผลต่อบัดเจ็ต : ช่วงก่อนงานแต่งประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ บ่าวสาวควรคอนเฟิร์มแขกให้ชัวร์อีกครั้ง เพราะส่งผลต่อจำนวนอาหารหรือรูปแบบการจัดโต๊ะ ถ้าเราทำเหลือมากเกินไปก็จะเสียเงินโดยใช่เหตุ หรือถ้าจัดอาหารน้อยเกินไปแล้วแขกมาเพิ่มทีหลัง ก็อาจทำให้แขกเสียความรู้สึกได้
บ่าวสาวดูแลหุ่นให้ดี : หากบ่าวสาวน้ำหนักขึ้นง่าย อาจต้องระมัดระวังการกินสักหน่อย เพราะพอใกล้วันแต่งงานเราต้องไปฟิตติ้งอีกรอบ และหากรูปร่างเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ชุดที่เคยตัดไว้อาจคับและต้องเสียเวลาแก้ไขชุดแบบกะทันหัน ส่งผลให้เราเครียดด้วย
หากอยากจัดพิธีคริสต์ที่โบสถ์ ดูให้ดีว่ามีเงื่อนไขอะไรบ้าง : เราต้องดูว่าโบสถ์นั้น ๆ สามารถทำพิธีและจัดงานเลี้ยงฉลองต่อได้ไหม หรือทำพิธีอื่น เช่น ยกน้ำชา ได้หรือเปล่า ถ้าใครอยากจัดงานที่เดียวแล้วจบในทุกพิธี การจัดงานที่ Wedding Venue ก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะสามารถทำหลายพิธีได้ โดยไม่ต้องย้ายสถานที่
ทำเช็กลิสต์บ่าวสาว จะได้ไม่พลาดสิ่งสำคัญ : บ่าวสาวควรทำเช็กลิสต์ให้ละเอียดว่าวันงานต้องใช้อะไรบ้าง โดยเฉพาะของชิ้นเล็กที่เราอาจหลงลืมหรือมีอาจโอกาสตกหล่น เช่น รองเท้า เครื่องประดับ แหวน ถุงเท้า ฯลฯ การทำเช็กลิสต์จะช่วยย้ำเตือนไม่ให้ลืมของในวันแต่งงาน
Photographer : 18percent grey