Capella Bangkok สถานที่จัดงานแต่ง Pets Friendly บรรยากาศเรียบหรูรื่นรมย์ ชมวิวริมน้ำเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิด
แปมกับมาร์ค (เจ้าบ่าว) ไปทานอาหารที่ Capella Bangkok (โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ) ค่อนข้างบ่อยค่ะ ส่วนตัวชอบบรรยากาศอยู่แล้ว พอจะแต่งงาน โรงแรมนี้จึงเป็นที่แรก ๆ ที่ผุดขึ้นมาในใจค่ะ แม้จะไปดูมาหลายแห่ง แต่สุดท้ายก็เลือกที่นี่ เพราะชอบโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาและอยากจัดงาน Outdoor ซึ่งโซน Courtyard ถูกใจเรามากค่ะ ทั้งดู Chill อบอุ่น ขนาดพื้นที่รองรับแขกราว 150 ท่านได้ ยิ่งไปกว่านั้น โรงแรมยังเป็น Pets Friendly จึงพา “โนแอล” น้องหมาของเรามาร่วมงานแต่งและนอนพักกับเราได้ด้วยค่ะ
งานหมั้นจัด ณ Villa ได้บรรยากาศอบอุ่นเหมือนที่บ้าน
เราอยากได้งานอบอุ่น เรียบง่าย จึงตั้งใจจัดพิธีหมั้นที่ห้องพัก Villa ของโรงแรม เพราะนอกจากห้องจะมีขนาดกว้างขวาง แยกสัดส่วนห้องนั่งเล่นและห้องนอนชัดเจนแล้ว ยังมีบรรยากาศผ่อนคลายและใกล้ชิดธรรมชาติ อีกทั้งเรามองว่าราคาคุ้มค่า เพราะสามารถพักที่ห้องนี้ไปพร้อมกับจัดพิธีการได้ ถือว่าครบจบในห้องเดียวค่ะ แถมห้อง Villa ยังอยู่ชั้นเดียวกับ Courtyard ที่เราจัดงานฉลอง เดินไปไม่ไกลด้วยค่ะ
เราทำพิธีหมั้นตรงโซนนั่งเล่น ตั้งเวทีชิดผนัง โดยได้ทีมตกแต่ง PHKA Studio ที่เป็น Partner กับโรงแรมมาดูแลให้ ซึ่งทำออกมาถูกใจมากค่ะ เพราะเดิมทีตรงนี้มีทีวีแขวนผนัง แต่เขานำผ้าม่านสีขาวโปร่งมาปิดไว้ ตกแต่งด้วยพุ่มดอกไม้ทรงสูงสี Colorful และจัดวางเก้าอี้แบบ Theater 30 ตัวค่ะ
พิธีหมั้นเริ่มช่วงบ่าย ลำดับงานจะเป็นมาร์คล่องเรือมาลงที่โรงแรม จากนั้นก็ตั้งขบวนแห่ขันหมาก ผ่านประตูเงิน ประตูทอง เรียบร้อยแล้วก็เข้าไปเจรจาสู่ขอกับญาติผู้ใหญ่ ถึงค่อยเดินมารับตัวแปมจากคุณพ่อที่รออยู่โซน Spa ค่ะ จากนั้นเราเดินกลับไป Villa ด้วยกัน เพื่อทำพิธีมอบสินสอด สวมแหวน ทานขนมอี๋ และยกน้ำชาค่ะ
งานฉลองเติมสีสันแห่งความสนุกและโรแมนติกริมน้ำเจ้าพระยา
เราจัดงานเลี้ยงฉลองที่ Courtyard ค่ะ ซึ่งทีมตกแต่งงานก็เป็นทีมเดียวกับงานหมั้น เราไว้ใจและชอบการตกแต่งของทีมนี้อยู่แล้ว โดยแค่บอกว่าอยากได้แนว Floral ธีมสี Colorful ค่ะ เพราะถ้าจัดงาน Outdoor สีของธรรมชาติมักเป็นสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้า การนำดอกไม้หลากสีสันมาตกแต่งน่าจะช่วยให้งานดูสวยสดใสยิ่งขึ้นค่ะ รวมถึงสี Dress code ด้วย เพราะเราอยากให้แขกใส่สีที่เขามั่นใจค่ะ
เราเน้นดอกไม้หลากสีแต่งตรงโต๊ะ Long Table ค่ะ ส่วนบนเวทีก็ไม่ใช้ฉากไม้ เพื่อไม่ให้บดบังจุดเด่นของโรงแรมอย่างวิวริมน้ำเจ้าพระยาที่สวยงามค่ะ ตรงเวทีจึงมีแค่ดอกไม้จัดเป็นพุ่มสูงชูช่อขึ้นมาฝั่งหนึ่ง ซึ่งเราตั้งใจไว้เป็นมุมถ่ายภาพแทน Backdrop ด้วยค่ะ
ในงานยังประดับไฟปิงปองให้ดูสวยและโรแมนติก เข้ากับยามค่ำคืนยิ่งขึ้น ส่วนอื่น ๆ ก็มีป้าย Welcome และ Photobooth ค่ะ ใกล้กันมีบอร์ดเล็ก ๆ ไว้ให้แขกที่ถ่ายรูปเสร็จแล้วนำภาพมาเขียนอวยพรและหนีบแขวนไว้ได้เลยค่ะ เวลาเรากลับมาอ่านจะได้เห็นทั้งข้อความและหน้าตาคนเขียนค่ะ
ส่วนของชำร่วยเราเลือกเป็นพัดสกรีนโลโก้บ่าวสาวค่ะ ด้วยความที่เราจัดงาน Outdoor จึงคิดว่าเหมาะและได้ใช้ประโยชน์จริง ๆ เผื่อบางช่วงในงานไม่มีลม แขกก็ใช้พัดได้เลยค่ะ
เมื่อถึงพิธีฉลอง เราเปิดตัวคู่กัน พร้อมจูงน้องโนเอลเดินเข้าไปด้วย จนกระทั่งขึ้นเวที เรากล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน จากนั้นก็เข้าสู่เกม Lucky Draw ซึ่งเราประกาศว่าแขกท่านไหนที่ได้พัดที่มีสติ๊กเกอร์ติดอยู่ให้ขึ้นมารับรางวัลค่ะ ซึ่งมีผู้โชคดีแค่ 2 ท่านเท่านั้น
ต่อด้วยเพื่อน ๆ บ่าวสาวรวม 6 ท่าน มาพูด Speech จากที่นั่ง ส่วนเราก็นั่งทานอาหารและฟังเพื่อนอวยพรไปพร้อม ๆ กัน โดยมีน้องโนเอลนั่งด้วยไม่ห่างค่ะ ช่วงนี้เรามี Gimmick ตรงที่ได้แร็ปเปอร์ AUTTA (อัตตา) ซึ่งเป็นแฟนของเพื่อนแปม มาแต่งทำนองและท่อนแร็ปเพื่ออวยพรเราในงาน ถือว่าเป็นการปิดท้าย Speech ที่เราประทับใจมากค่ะ
คิวต่อไปยังคงเติม Gimmick ให้เข้ากับธีมงาน ด้วยการเทซอสสีสันจัดจ้านลงบนเค้กสีขาวที่มีรูปปั้นน้องโนเอลตั้งอยู่ จังหวะที่ราดซอสก็จะปล่อย Effect พลุไฟน้ำตกพอดี นับว่าเป็นฉากที่เราประทับใจที่สุด ด้วยมู้ดบรรยากาศในงานดูโรแมนติกและสวยลงตัวมาก ๆ ค่ะ
ในช่วงโยนดอกไม้ เราอยากให้เพื่อนหลายคนได้รับ จึงรวบดอกไม้ 10 ช่อเล็กมัดรวมเป็น 1 ช่อใหญ่ แล้วโยนเพื่อให้ช่อดอกไม้กระจายตัวออกไป ซึ่งจะมีช่อเดียวที่ติดข้อความว่า The Next Bride หากใครได้ช่อนั้น ก็ขึ้นมารับรางวัลพิเศษจากเราไปค่ะ
ทางมาร์คเองก็อยากให้เพื่อนเขามีส่วนร่วมสนุกบ้าง จึงต่อด้วยเล่นเกมแข่งกินเบียร์ ซึ่งเราก็มีรางวัลให้อีกค่ะ หากใครดื่มหมดแล้วเห็นก้นแก้วมีสติ๊กเกอร์ก็มารับของรางวัลไปได้เลยค่ะ เราใส่ทั้ง Gimmick และเกม เพราะงานนี้มีแต่คนสนิท เลยอยากให้ทุกคนได้สนุกสนานไปด้วยกันค่ะ
จบงานฉลองก็ต่อ After Party ช่วงนี้เราแจกเสื้อให้เพื่อนเจ้าสาวด้วย พอถึงช่วงเปิดตัว เราอยากให้เข้าธีม Colorful เลยให้เพื่อนเจ้าสาวถือ Smoke ไฟหลากสีเดินเข้ามาจนถึงจุดวางโซจูบอมบ์ พอควันสีหมดปุ๊ป เราจะดีดแก้ว เป็นจังหวะที่เพื่อนเจ้าบ่าวยิง Paper Shoot ทำให้ได้ภาพเปิดตัวที่สวยงาม หลังจากนั้นก็ดื่มสังสรรค์กันเต็มที่ค่ะ
สำหรับอาหารจัดเลี้ยงเราเลือกรูปแบบ Full Course เมนูอาหารไทยทั้งหมด เพราะคิดว่าแขกทุกเพศ ทุกวัยทานได้และคุ้นเคยดี โดยใน Course จะมีปลาย่างส้มโอ มะเขือยาวเผา ต้มส้มไก่ ผลไม้ลอยแก้วค่ะ อยากบอกว่าแขกชอบหลายเมนูเลย
บ่าวสาวอิ่มใจ มีความสุขกับทุกโมเมนต์
ทุกโมเมนต์ที่เกิดขั้นในวันนั้น เราตั้งใจสอดแทรก Gimmick เพื่อให้ทุกคนมีความสุข สนุกร่วมกัน เราดีใจที่แขกชอบบรรยากาศในงาน รวมถึงตัวเราเองด้วย เพราะได้ทุกอย่างแบบที่คิดไว้ แถมมีคิวซึ้ง ๆ จาก Speech อีกค่ะ
ส่วนต่อมาขอชม Wedding Planner และ Organizer ที่ช่วยให้งานเราออกมาดีและราบรื่น เขาทำให้งานดูง่าย บ่าวสาวไม่เหนื่อยเลยค่ะ ทางโรงแรมก็ดีเช่นกัน ทั้งพนักงานโรงแรมใส่ใจบริการ ไปจนถึงเซลล์ที่ช่วยประสานงานกับทีมงานต่าง ๆ อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ เรายังประทับใจ Villa ไม่หาย ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก บรรยากาศรอบด้าน Homey มาก ภาพงานวันนั้นจึงออกมาดูน่ารัก เป็นกันเองตามที่อยากได้ เราคิดถูกมากที่เลือกจัดงานสไตล์นี้ที่โรงแรมนี้ค่ะ
คำแนะนำสำหรับบ่าว-สาว
ไม่ควรมองข้าม Wedding Planner และ Organizer : ในช่วงเตรียมงาน บ่าวสาวต้องตัดสินใจเลือกทีมงานต่าง ๆ อาจมีคนใกล้ตัวแนะนำว่าบางอย่างไม่ต้องมีก็ได้ แต่ส่วนตัวมองว่า สิ่งสำคัญและต้องมีจริง ๆ คือ Wedding Planner และ Organizer เพราะเราจะได้ทำงานกับมืออาชีพที่ช่วยแก้ไขปัญหาและวางใจได้ พอถึงวันงาน ทุกอย่างจะออกมาราบรื่นยิ่งขึ้น
มีระยะเวลาเตรียมงานนานยิ่งดี : บ่าวสาวควรเผื่อเวลาในการเตรียมงานอย่างน้อย 1 ปี จะได้มีเวลาเตรียมความพร้อมแบบไม่เร่งรีบเกินไป ไม่ต้องแย่งชิงคิวทีมงานต่าง ๆ และมีเวลาในการเลือกทีมงานที่ใช่ที่สุด พอมีเวลาเยอะ เราจะไม่เครียดและไม่กดดัน สามารถสรรหาไอเดีย Gimmick คิดกิจกรรมต่าง ๆ ในงานออกมาได้มากมาย โดยสะท้อนตัวตนที่สุด
Photographer : Take photography