รีวิวงานแต่งบรรยากาศริมน้ำ กับพิธี Toast เรียบง่าย แต่แฝงด้วยดีเทล @The Siam Hotel

The Siam Hotel โรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยา สวยมีสไตล์กับสถาปัตยกรรมอาร์ตเดโค พร้อมพื้นที่ร่มรื่นและห้องจัดเลี้ยงขนาดอบอุ่น เป็นส่วนตัว  

       มายกับบอมเป็นคู่ที่ชอบทำกิจกรรมเอาท์ดอร์ เล่นกีฬา Wake Surf ชอบทะเล ถ้าจะจัดงานแต่งก็อยากหาสถานที่ที่มีพื้นที่เอาท์ดอร์ ติดริมน้ำ และเราสองคนไม่ได้ชอบงานที่จัดเอิกเกริก อยากได้ความไพรเวทนิดนึง ซึ่งก่อนหน้านี้เราเคยมาทาน Afternoon Tea ที่ The Siam Hotel (โรงแรมเดอะสยาม) และชอบดีไซน์กับบรรยากาศโรงแรมอยู่แล้ว เลยติดต่อเข้าไปดูสถานที่ ระหว่างที่คุยกับคุณกิฟท์ เซลล์ฝ่ายจัดเลี้ยง ไปเรื่อย ๆ ก็ค่อย ๆ เห็นภาพงานแต่งค่ะ โดยเฉพาะโซนสนามหญ้าที่ติดริมแม่น้ำ มองเห็นพระอาทิตย์ตก มีแสงส่องมาเบา ๆ ก็เลยคุยกับโรงแรมว่าขอจัดงานบริเวณนี้

ธีมงานสุดอบอุ่น ตกแต่งน้อย เน้นกลมกลืนกับธรรมชาติ

       งานของเราเป็นสไตล์อบอุ่น มีแขกประมาณ 80 ท่าน ทุกคนที่ชวนมาเป็นคนที่เราสนิทมากจริง ๆ ไม่มีถ่ายรูปแบ็คดรอป อยากให้เป็นโมเมนต์เดินทักทายแขก เลยบอกทีมแพลนเนอร์ Pearlphailin Stylist & Planner ให้ไม่กำหนดเวลาอะไรมากมาย เพราะถ้ามีซีเควนซ์เยอะ บรรยากาศจะถูกจำกัดตามพิธีการ  

       ส่วนธีมการตกแต่ง เราอยากคงความ original ของโรงแรมไว้มากที่สุด อย่างตัวแบ็คดรอป เราอยากให้มองทะลุไปกับภาพพระอาทิตย์ตกและสีของแม่น้ำ จึงดีไซน์ให้โปร่ง เพื่อที่เวลาทำพิธี ทุกคนที่มองเราอยู่จะได้เห็นแบคกราวด์เป็นน้ำที่เคลื่อนไหวอยู่ด้านหลัง รวมถึงคุมสีการตกแต่งเป็นสีเขียว ขาว และเงิน  

       ตอนบรีฟทีมตกแต่งของ Phka มายจะซ่อนองค์ประกอบพวกพลุ ภาพ abstract ในแต่ละจุด ให้เป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลอง เช่น แทรกดอกไม้สีขาวตรงแบ็คดรอป โลโก้ และลายปักชุดค่ะ

       สำหรับของชำร่วยเป็นร่มกับพัดค่ะ มายสั่งทำขึ้นมาเองเลย ตั้งแต่ไปเลือกกระดาษ ให้คนเขียนลายมือลงไปเป็นแฮชแท็กของงานเรา #thanawatchuthewedding ซึ่งแขกสามารถใช้ในงานได้ ใครร้อนก็เอาพัดขึ้นมาพัด ถือร่มบังแดด และด้วย Dress code งานเรา ผู้ชายจะใส่ทักซิโด้สีดำ ผู้หญิงเป็นเดรสดำกับชมพู เวลาแขกถือร่มกับพัดสีขาวแล้วเป็นภาพตามที่เราคิดไว้เลยค่ะ แถมเพิ่มกิมมิกให้กับงานเราด้วย

พิธีการแยกวัน เริ่มด้วยทำบุญและงานหมั้นตามใจแขกผู้ใหญ่

       เราจัดงาน 2 วัน แยกงานเช้ากับงานเย็น เว้นประมาณหนึ่งสัปดาห์ จะได้ไม่รู้สึกเหนื่อยและเร่งเกิน งานเช้าก็จะไปทำบุญที่วัดราชบพิธฯ มายใส่ชุดไทยประยุกต์สีขาวจาก Brad Bridal บอมใส่สูทผ้าลินินสีขาวครีมกึ่งทางการ เราทำพิธีสงฆ์ ถวายสังฆทานค่ะ ซึ่งมีแค่ครอบครัวกับเพื่อนสนิทแค่ 20-30 คน ให้ผู้ใหญ่ได้ถ่ายรูปกับวัดสวย ๆ ก็คือตามใจคุณพ่อคุณแม่เลย

       จากนั้นก็ย้ายมาจัดงานหมั้นที่โรงแรม มายเปลี่ยนชุดเป็นสไตล์โมเดิร์น เรียบ ๆ แต่มีความร่วมสมัย มีลายปักไทยอยู่บนชุด ส่วนเจ้าบ่าวใส่ชุดเดียวเลยค่ะ เริ่มด้วยพิธีสวมแหวน รดน้ำ แล้วก็ถ่ายรูปครอบครัวที่บริเวณ The Courtyard จากนั้นก็เลี้ยงอาหารเที่ยงที่ The Story House จัดเป็น Long Table เสิร์ฟอาหารไทย ซึ่งผู้ใหญ่ชอบอาหารมาก โดยเฉพาะไอศกรีมข้าวหอมมะลิโฮมเมด ไม่เคยเห็นที่ไหนเลย ต้องโรงแรมนี้เท่านั้น ถูกใจทั้งแขกและบ่าวสาวมาก ๆ ค่ะ

งานฉลองฟีลกู้ด อบอุ่นในบรรยากาศ Sunset และดินเนอร์ปาร์ตี้

       งานฉลองเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 16.30 น. ช่วงนี้จะเสิร์ฟคานาเป้กับเครื่องดื่มให้กับแขกก่อน พอเราเปิดตัวมาก็ทักทายแขก ท่ามกลางแสงช่วง Sunset สวย ๆ ลมพัดเบา ๆ จากแม่น้ำ มีวงดนตรี Jazz มาบรรเลงให้ค่ะ

       เสร็จแล้วก็มายืนตรงแบ็คดรอปเพื่อกล่าวขอบคุณทุกคนที่มาในงาน ต่อด้วยตัดเค้ก มี Toast ดื่มกล่าวอวยพรนิดหน่อย แล้วก็เดินออกมาเพื่อไปยังห้องจัดเลี้ยง ระหว่างทางมีเพื่อนโปรยดอกไม้ พอถึงห้องอาหารก็ให้ทุกคนลงทะเบียน เขียนอวยพรลงบนรูปที่เราเตรียมไว้ค่ะ

       เราจัดดินเนอร์กันภายใน Deco Bar & Bisrto เป็นห้องกระจกที่อยู่ถัดจากเรือนไทยเข้าไป ทุกคนสามารถมองเห็นกันหมดเลย มู้ดเป็นแสงเทียนบนโต๊ะ Long Table และปล่อย Smoke เบา ๆ ให้บรรยากาศดู Dramatic นิด ๆ เมื่อทุกคนนั่งเรียบร้อยแล้ว ก็จะทยอยเสิร์ฟอาหาร สลับกับให้เพื่อนพูด Speech รวม 6 คนค่ะ ปิดท้ายด้วยคู่บ่าวสาวพูดความในใจถึงกันและกัน โมเมนต์ตรงนี้จะค่อนข้างซาบซึ้ง เพราะเราใกล้ชิดกับแขกมาก ๆ ร่วมโต๊ะอาหารเดียวกัน ฟีลลิ่งเลยอบอุ่น มีทั้งหัวเราะและน้ำตาร่วงเลยค่ะ

       หลังจากกินข้าวเสร็จก็มีรินแชมเปญ เพื่อเป็นการบอกว่าเรากำลังจะเริ่มปาร์ตี้แล้วนะ ช่วงนี้ทางโรงแรมช่วยเซ็ตโต๊ะและเคลียร์พื้นที่ให้รวดเร็วมากค่ะ แป๊บเดียวแล้วงานก็โฟลว์ต่อได้เลย โดยเรามีเกมให้เล่นเบียร์ปอง (Beer Pong) แบ่งทีมเจ้าบ่าว-เจ้าสาวมาแข่งกันโยนปิงปองลงแก้ว เรียกเสียงหัวเราะได้พอสมควร ทุกคนไม่ยอมเลิกเล่นกันเลยค่ะ  

       ช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้เรามีเปลี่ยนมู้ดเป็นแนวดิสโก้ 80 เพลงเรโทร อิเล็กทรอนิกส์แจ๊ส ฟังกี้ ไม่ได้รุนแรงมาก แต่ก็เมาหัวทิ่มอยู่ดี  

สานฝันภาพงานแต่งให้เป็นจริง ยิ่งกว่าคำว่าประทับใจ

       เราประทับใจแทบทุกโมเมนต์เลย เพราะทุกอย่างออกมาเป็นภาพอย่างที่คิดและดียิ่งกว่าที่นึกเอาไว้อีก บอมชอบตอน speech รู้สึกทรงพลังและส่งถึงเรามาก เพราะแขกแค่ 80 คน ทุกคนได้สื่อสาร เห็นสีหน้าแววตา อิมแพ็กมาก ส่วนมายชอบตอนพิธีเย็น รู้สึกว่าได้อยู่กับคนที่เรารักมาก มีแสงพระอาทิตย์ ทุกอย่างเป็นกันเอง ไหลลื่นไปหมดเลย ซึ่งงานนี้เวดดิ้งแพลนเนอร์กับโรงแรมก็ช่วยเยอะเหมือนกันค่ะ เพราะบ่าวสาวอาจจะดูฟุ้ง อย่างบอมเป็นช่างภาพก็จะมีภาพแต่ละซีนเยอะ แต่ไม่มีจุดเชื่อมโยงของแต่ละพิธี ซึ่งทีมแพลนเนอร์ก็จะมาช่วยแนะนำเรื่องเหล่านี้ และทำให้งานออกมาสมบูรณ์แบบขึ้นได้

       โรงแรมก็น่ารัก ช่วยยืดหยุ่นให้น้องหมาดัลเมเชี่ยน “บลู” ลูกรักของเรา ได้เข้าร่วมพิธีในวันสำคัญด้วย แม้โรงแรมจะไม่ได้เป็น Pet Friendly แต่ก็ให้ความกรุณา ต้องขอบคุณจริง ๆ ค่ะ

คำแนะนำสำหรับบ่าว-สาว

ถ้าไม่อยากเหนื่อย ควรจัดงานแยกเป็น 2 วัน : เวลาไปงานแต่งส่วนใหญ่จะนิยมหมั้นเช้า แต่งเย็น ซึ่งบ่าวสาวจะค่อนข้างเหนื่อย ดังนั้นอาจจัดแยกวันกัน และแบ่งว่างานเช้าเป็นผู้ใหญ่ และงานเลี้ยงฉลองเป็นเพื่อน เพื่อแยกมู้ด พิธีการ และกลุ่มแขกให้ชัดเจน

ค้นหาความชอบของคู่ตัวเองก่อน : ส่วนตัวจะเซฟรูปใน ig หรือ pinterest มาเรื่อย ๆ พอเราเตรียมตัวเนิ่น ๆ ก็จะมีเวลาหาตัวเองว่าชอบแบบไหน แล้วมาเคาะว่าสุดท้ายภาพรวมออกมามู้ดไหน แล้วค่อยลงดีเทลต่าง ๆ ในงาน เช่น จำนวนแขก สถานที่ อาหาร

เรียงความสำคัญของสิ่งต่าง ๆ ในงาน แล้วรีบจอง : อยากให้ลิสต์รายการดูว่าอะไรที่เราให้ความสำคัญมากที่สุด ก็ควรรีบจองหรือทำสิ่งนั้นก่อน เช่น ถ้าให้ความสำคัญกับรูปภาพ ก็ต้องรีบจองช่างภาพ อย่างคู่เราจะเป็นสถานที่ ชุดแต่งงาน และช่างภาพ เป็น 3 อันดับที่ต้องจองตั้งแต่เนิ่น ๆ  

Photographer : K.Naruebes Vadvaree, @Numchoks, @Anupongho, @Nawaphon_present, @dayofus.photo, @korawutneeparn, @daywedding