Novotel Bangkok Future Park Rangsit สถานที่สวยเด่นด้วยที่จอดรถเยอะ และจอ LED ขนาดใหญ่
ไข่มุกกับนัด (เจ้าบ่าว) ตั้งใจจัดงานแต่งที่ Novotel Bangkok Future Park Rangsit (โรงแรม โนโวเทล กรุงเทพ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต) โดยไม่ดูที่อื่นเลยค่ะ เนื่องจากใกล้บ้านเราสองคนและแขกที่พักอยู่ย่านดอนเมือง–รังสิต แน่นอนว่าเป็นโรงแรมขึ้นชื่อที่สวยและยังใหม่ อีกทั้งชอบห้องบอลรูมที่มีจอ LED ช่วยเสริมการตกแต่งให้สมบูรณ์ขึ้น ที่ตั้งของโรงแรมใกล้ห้างสรรพสินค้า ตอบโจทย์งานเราที่จัดงานหมั้นเช้าและเลี้ยงฉลองเย็น แขกที่ไม่อยากกลับบ้านก็สามารถเดินรอที่ห้างได้ค่ะ
เนรมิตสวนสีสันสดใสในพื้นที่อินดอร์
เดิมทีเราอยากจัดงานแต่งในสวน แต่ด้วยความที่แขกผู้ใหญ่เยอะ การจัดงานเอาท์ดอร์คงไม่สะดวกนัก จึงหาทางออกด้วยการตกแต่งงานธีมสวนในพื้นที่อินดอร์ ประกอบกับส่วนตัวชอบการ์ตูนดิสนีย์ด้วย เลยอยากให้สวนมีความ Fairy Tale โดยเราเลือกสีคัลเลอร์ฟูล เพราะชอบความสดใส สอดคล้องกับ Dress Code ที่ไม่จำกัดสีเลย แขกใส่ชุดสีอะไรก็ได้ขอแค่เขามั่นใจค่ะ
การตกแต่งตรงโถงรับรอง เราจัดวางโต๊ะลงทะเบียนและโฟโต้บูธ ถัดไปเป็นซุ้มทางเดินที่ตกแต่งจัดเต็ม เพราะอยากให้แขกได้ชื่นชมบรรยากาศระหว่างทางก่อนเดินไปสู่แบ็คดรอป หรือจะยืนถ่ายรูปตรงนี้ก็ได้เช่นกัน โดยทีมออแกไนซ์ใช้ซุ้มผ้าม่านสีเหลืองอ่อน แต่งเติมด้วยผีเสื้อ เพิ่มไฟปิงปองให้ดูอบอุ่น สองข้างทางตั้งภาพบ่าวสาวบนแท่นดิสเพลย์ ส่วนตรงพื้นวางดอกไม้ใส่แจกันหลากสีค่ะ
สำหรับแบ็คดรอปถ่ายภาพจะมีความละมุนและน่ารัก ด้วยการเจาะช่องวงกลมที่ฉากและใช้สีเหลืองอ่อนเป็นพื้นหลังเช่นกัน เพราะเป็นสีที่ชอบและดูสบายตาค่ะ เราเน้นตกแต่งดอกไม้จริง เพราะตั้งใจให้แขกสามารถนำกลับบ้านได้ ขณะเดียวกันก็มีดอกไม้ประดิษฐ์ไซส์ใหญ่ช่วยให้ดูเป็นสวนในเทพนิยายด้วยค่ะ
ภายในห้องบอลรูมนครรังสิต ที่ใช้จัดทั้งพิธีหมั้นและฉลองนั้น แม้มีจอ LED แต่เราก็ยังตกแต่งเพิ่มให้งานดูมีมิติ เพียงแต่ไม่ให้บังจอ โดยใช้โครงโค้งสีเหลืองอ่อนแต่งดอกไม้หลายขนาดค่ะ ส่วนฉากโมชั่นกราฟิกที่อยู่บนจอ LED เลือกเป็นวิวธรรมชาติตามเวลานั้นค่ะ อย่างเช่นพิธีหมั้นช่วงเช้าก็เป็นวิวทิวทัศน์ทุ่งหญ้าตอนกลางวัน ส่วนพิธีฉลองก็จะเป็นฉากภูเขา ผืนป่า และท้องฟ้ายามค่ำคืนที่จุดพลุค่ะ
ความที่งานเรามีแขกส่วนใหญ่เป็นพ่อค้า แม่ขาย หรือเจ้าของธุรกิจ เราจึงเลือกของชำร่วยเป็นกระเป๋าหนังเทียมสำหรับใส่บุ๊คแบงค์หรือพาสปอร์ต ซึ่งมีประโยชน์และเหมาะกับอาชีพเขา โดยไม่ปั๊มโลโก้งานเพื่อให้สามารถใช้จริงได้แบบไม่เคอะเขินค่ะ
พิธีหมั้นบรรยากาศน่ารัก เน้นความเก๋ที่ชุดเจ้าสาวแบบ 2 In 1
เราจัดพิธีหมั้นแบบไทย-จีนค่ะ เริ่มจากแห่ขันหมาก ผ่านประตูเงินประตูทอง เจรจาสู่ขอกับญาติผู้ใหญ่ เรียบร้อยถึงออกมารับตัวเจ้าสาวที่นั่งรออยู่ตรงแบ็คดรอป ซึ่งการตกแต่งส่วนนี้ในช่วงเช้าเรากั้นผ้าม่านสีขาวปิดไว้ เพราะอยากให้แขกได้เห็นตอนงานฉลองทีเดียวค่ะ
หลังเจ้าบ่าวรับตัวเสร็จก็กลับมาทำพิธีมอบสินสอด สวมแหวน ก่อนเข้าสู่พิธียกน้ำชา เราจะเบรกให้แขกได้รับประทานอาหารกันก่อน ซึ่งทางโรงแรมก็น่ารักมากที่ให้เรานำเข้าอาหารเข้ามาได้ค่ะ ก็มีขนมไทยและกาแฟสดจากคาเฟ่ของเพื่อนค่ะ
ระหว่างพัก เรารีบไปเปลี่ยนชุด ซึ่งเป็นความตั้งใจแต่แรกที่อยากได้ลุคที่แตกต่าง แต่ก็ไม่อยากใช้เวลานานเกินไปในการเปลี่ยนชุด จึงสั่งตัดชุดเจ้าสาวแบบ 2 in 1 จากเดิมที่เป็นเดรสลายลูกไม้สีขาวกระโปรงสอบ พอมาช่วงยกน้ำชา เราก็สวมกระโปรงสุ่มสีขาวทับ ช่วงเอวผูกโบว์สีแดงสดให้เข้ากับพิธีจีน เรียบร้อยก็ลงมายกน้ำชา และส่งตัวก็จบพิธีเช้าค่ะ
งานเลี้ยงฉลองเต็มไปด้วยกิมมิก อบอุ่นใจตลอดงาน
สำหรับงานฉลอง เราใส่ใจเรื่องชุดเจ้าสาวอีกเช่นเคย ซึ่งชุดนี้ได้แรงบันดาลใจจากเจ้าหญิงดิสนีย์หลาย ๆ เรื่อง โดยดึงบางดีเทลมาปรับเป็นชุดสไตล์เรา แม้แต่ทรงผม เราอิงมาจากเจ้าหญิงจัสมินจาก Aladdin นอกจากจะได้แพทเทิร์นในแบบที่ชอบแล้ว เรามีปักเย็บดอกไม้ลงบนชุดเพื่อให้เข้ากับธีมงานด้วยค่ะ
ไม่ใช่แค่ชุดเจ้าสาว แต่พิธีการก็ยังสอดแทรกกิมมิกตลอดทั้งงาน ซึ่งเราและคุณพ่อเจ้าบ่าวเคยไปร่วมงานแต่งมาเยอะ พอเห็นอะไรน่าสนใจก็อยากให้มีไว้ในงานแต่งของเรา เริ่มตั้งแต่การถ่ายภาพกับบ่าวสาวตรงแบ็คดรอป ถ่ายเสร็จปุ๊ป แขกสามารถรับรูปได้เลย เพราะมีบริการปริ้นท์ภาพถ่ายค่ะ เรานำเข้ามาเพราะอาจมีผู้ใหญ่หลายท่านที่ไม่เล่นโซเชียลมีเดีย แถมไม่ต้องเสียเวลากับการต้องใช้กล้องตัวเองถ่ายเพิ่มเพราะอยากได้รูปด้วยค่ะ
นอกจากนั้นยังเพิ่ม OB Switching จ้างทีมงานโปรดักชั่นเข้ามาถ่ายทอดสดบรรยากาศในงาน พอแขกบางส่วนเข้าไปในห้องบอลรูมแล้ว เขาสามารถดูจอโปรเจคเตอร์ได้ว่าด้านนอกเกิดอะไรขึ้นบ้าง หรืออย่างช่วงพิธีการก็จะถ่ายทอดสดกันบนเวทีเลย เพื่อให้แขกที่อยู่ด้านหลังเห็นบ่าวสาวชัดขึ้นค่ะ
ตอนที่เราเปิดตัวเข้าไปในงาน เราซึ้งจนน้ำตาคลอ เพราะทีมออแกไนซ์แอบเซอร์ไพรส์ด้วยการทำฉากปราสาทดิสนีย์ เพราะรู้ว่าชอบค่ะ พอขึ้นเวทีแล้วก็เชิญประธานกล่าวอวยพร จากนั้นก็สัมภาษณ์พ่อแม่บ่าวสาว ตามด้วยขอบคุณแขก และไม่พูดเรื่องความรักเลยค่ะ เพราะต้องการกระชับพิธี
จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงโรยไอซิ่งบนโดนัท นอกจากจะดูน่ารักแล้ว ยังสื่อถึงเจ้าบ่าวได้ด้วย เพราะเขามีชื่อเล่นเต็ม ๆ ว่า 'โดนัท' ค่ะ ซึ่งพนักงานจะเสิร์ฟโดนัทให้แขกตามโต๊ะด้วย เสร็จแล้วก็โยนช่อดอกไม้ต่อเลย ปิดท้ายด้วยคุณกิ่ง เหมือนแพร ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทมาร้องเพลงให้คู่เราค่ะ
สำหรับอาหารจัดเลี้ยงเราเลือกเมนูโต๊ะจีน เพิ่มความพิเศษตรงที่เราตัดของหวานที่อยู่ในเมนู แล้วเสิร์ฟไอศกรีม Haagen-Dazs แทน เพราะรู้สึกว่าเป็นเมนูของหวานที่ทุกเพศทุกวัยชื่นชอบค่ะ
งานราบรื่น บ่าวสาวอิ่มความสุขและรอยยิ้ม
เราดีใจที่เห็นแขกเอ็นจอยไปกับทุกสิ่งที่เราตั้งใจเลือกเข้ามาอยู่ในงานค่ะ โชคดีที่เรามีคนใกล้ตัวทำงานเกี่ยวกับการแต่งงาน อย่างแพลนเนอร์ ช่างภาพ ทำให้ได้ทีมงานที่ดีที่เราไว้วางใจได้เต็มที่ค่ะ และยังประทับใจการบริการของโรงแรม อย่างงานนี้มีแขก VIP เยอะ จึงต้องดูแลตั้งแต่ลานจอดรถ ซึ่งทางโรงแรมประสานงานภายในได้เป็นอย่างดี อีกทั้งมีที่จอดรถเยอะ เหมาะกับการจัดงานแต่งขนาดใหญ่ที่มีแขกหลายร้อยคน โดยไม่ต้องกังวลเลยค่ะ
คำแนะนำบ่าว-สาว
ทำการบ้านให้เยอะและหาเรฟเฟอร์เรนซ์ให้ชัด : ช่วงเตรียมงานต้องทำการบ้านให้มาก และหาตัวอย่างสไตล์การตกแต่งให้เยอะ เพราะถ้าเราไม่มีธีมงานชัดเจน เวลาไปคุยกับทีมตกแต่งอาจจับต้นชนปลายไม่ถูก ส่งผลให้ระหว่างการทำงานเกิดการเปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้ทีมทำงานยากขึ้นและอาจเสียเวลามากกว่าเดิม
การแต่งงานเป็นเรื่องของหลายคน : ต้องยอมรับว่าใน ความเป็นจริง งานแต่งงานจะมีบุคคลที่ 3-4-5 เข้ามาเกี่ยวข้อง บ่าวสาวควรถามความต้องการของญาติผู้ใหญ่ ทั้งสองฝั่งให้ชัดเจนตั้งแต่แรก หลังรู้ความต้องการของทุกฝ่ายแล้ว หากสิ่งไหนไม่โอเคจะได้ปรับหาทางออกร่วมกัน
เอาใจเขามาใส่ใจเรา : อยากให้คิดถึงใจแขกว่าควรทำสิ่งไหนที่จะสร้างความสบายใจได้ เช่น การเลือกธีมสีการแต่งกาย ควรเลือกสีที่หาชุดง่าย เหมาะกับทุกเพศ ทุกสีผิว เพราะธีมสีก็ส่งผลต่อความมั่นใจของแขกได้
พิธีการก็ยังสำคัญ: เข้าใจว่าบ่าวสาวยุคใหม่ไม่ชอบให้พิธีเยอะ บางคู่จึงตัดพิธีออกไปเกือบหมด ส่วนตัวมองว่าลดพิธีการได้ แต่ควรปรึกษาผู้ใหญ่ก่อน จะได้ไม่เป็นปัญหาภายหลัง