งานแต่งที่อบอวลความอบอุ่นของหนึ่งในสมาชิกวงอินดี้ร็อก Death Of A Salesman ตระการตาด้วยแสงสวยโรแมนติก รังสรรค์โดย Hug Wedding Planner
กระชายและตอง (เจ้าสาว) อยากให้งานออกมามีความ Cozy เน้นสตอรี่ความรักกับครอบครัว เพราะรู้สึกว่าสิ่งนี้สำคัญที่สุด ไม่ต้องเหนือจินตนาการหรือตกแต่งมากมายครับ ส่วนตัวตองชอบดอกไม้ที่ให้ความเป็นธรรมชาติ เมื่อมองหาเวดดิ้งแพลนเนอร์ก็มาสะดุดตากับ Hugweddingplanner and Decor เพราะสไตล์ตรงกับเราที่สุด จึงมั่นใจว่าเขาจะออกแบบงานมาในฉบับที่เป็นตัวเราแน่ ๆ
ธีมงาน Love Glow ที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวความรัก
ด้วยความที่เป็นนักแต่งเพลงอยู่แล้ว ผมก็เขียนคอนเซ็ปต์ให้ทีมตกแต่งเลยว่า ตองเปรียบเสมือนแสงสว่างที่ช่วยนำทางและเติมเต็มชีวิตในวันข้างหน้าให้กับเรา ถึงวัยจะห่างกัน 12 ปี แต่ด้วยทัศนติที่คิดบวก จิตใจดี อยู่กับเขาแล้วจึงอบอุ่น ปลอดภัย แม้กระทั่งในช่วงที่คุณพ่อของผมไม่สบายและจากไปก่อนเราแต่งงานประมาณหนึ่งเดือน แต่เขาก็ยังทำให้ครอบครัวผมอบอุ่นเช่นเดิม
จากสตอรี่นี้ คุณเอสใช้กระจกมาตัดเป็นวงกลมเล็ก ๆ แล้ววางเรียงไล่ขนาดให้ดูคล้ายกับรังสีของแสง เป็น element หลักในการตกแต่งแบ็คดรอป ประดับร่วมกับดอกไม้และฉากสีเอิร์ธโทน ส่วนโซนแกลเลอรี่ เราคัดรูปพรีเวดดิ้งที่ปารีสและลอนดอนมาวางให้เข้ากัน ใช้แค่ 4 รูป จะได้ไม่ดูเซ็ตติ้งเกินไปครับ
เนื่องจากคุณแม่ผมอายุมากแล้ว แขกผู้ใหญ่ก็เยอะ เราจึงจัดงานเช้า-เลี้ยงกลางวันต่อกัน ซึ่งทางทีมตกแต่งปรับมู้ดให้คล้ายกับงานกลางคืนได้ด้วยการใช้ Lighting มีแสงทอดลงมา ส่วนบริเวณเวที เราไม่อยากให้ทุกอย่างนิ่ง เลยใช้จอ LED ช่วยเพิ่มมิติ โดยคุณเอสตีโจทย์มาจากแสงสว่าง ทำฉากหลังแตกต่างกันไปในแต่ละพิธี อย่างช่วงเช้าเป็นแสงนุ่มนวลในบรรยากาศ Glasshouse ช่วงงานเลี้ยงก็เป็นแชนเดอเลียร์ให้ความรู้สึกหรูหรามากขึ้น ตอนตัดเค้กก็เป็นภาพจุดพลุ ทุกอย่างออกมาพอดีอย่างที่คิด ยิ่งมีดนตรีสด มีเพื่อน ๆ ทำให้พื้นที่ในห้องดูอบอุ่นมาก ๆ เลย
พิธีการกระชับ ครบถ้วน พร้อมสานฝันให้เจ้าสาว
สำหรับตอนเช้าเป็นพิธีไทยครับ เจ้าสาวเลือกใส่ชุดสไตล์มินิมอล โดยพิธีการเริ่มจากแห่ขันหมาก กั้นประตูเงิน ประตูทอง ซึ่งทางทีมออแกไนซ์ก็จัดพานทุกอย่างให้เรียบร้อย พอขึ้นบนเวทีก็มีพิธีสู่ขอ ตรวจนับสินสอด สวมแหวน รับไหว้ แล้วจึงเป็นพิธีรดน้ำสังข์ครับ ส่วนอาหารเช้า เรามีข้าวต้ม ติ่มซำ ชา กาแฟ รองรับแขกประมาณ 50 คน ซึ่งแขกของคุณพ่อจะมีชาวต่างชาติ เราก็อยากให้เขาเห็นพิธีแต่งงานแบบไทยด้วยครับ
หลังจากเปลี่ยนชุด เราก็ลงมาต้อนรับแขกที่หน้าแบ็คดรอป ระหว่างนี้ในฮอลล์ก็จะเปิดคลิปแคนดิดที่ผมเคยถ่ายเก็บไว้ ช่วงที่ตองมาอยู่ดูแลคุณพ่อผม ซึ่งเป็นสิ่งที่ทัชใจแขกมาก เพราะว่าถ่ายทอดความอบอุ่นให้ทุกคนได้ซึมซับ และเหมือนคุณพ่อมาอยู่กับเราในงาน รวมถึงมีพรีเซนเทชั่นเป็นตอนที่เราเดินทางไปถ่ายพรีเวดดิ้งด้วย
ช่วงเปิดตัวบ่าวสาว เราเดินคู่กัน มีเพื่อน ๆ โปรยกลิตเตอร์ให้ พอขึ้นเวทีก็เชิญประธานกล่าวอวยพรให้กับเราทั้งคู่ และพิธีกรถามความรู้สึกของบ่าวสาว เสร็จแล้วก็เป็นช่วงตัดเค้ก ซึ่งตองมีความใฝ่ฝันว่าถ้าเป็นเจ้าสาวสักครั้ง อยากให้มีทางเดินไปตัดเค้กตรงกลางห้อง ซึ่งห้องจัดเลี้ยงของเราไม่ได้ใหญ่มาก แต่ทีมก็ช่วยออกแบบจนได้ตัดเค้กกลางห้องอย่างที่ตั้งใจครับ ปิดท้ายด้วยการโยนดอกไม้เป็นอันจบพิธี
เติมดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ สะท้อนความใส่ใจ
ตามคอนเซ็ปต์แสงสว่าง เราเลยเลือกของชำร่วยเป็นเทียนของ IKEA แล้วส่งไปให้ทีมออแกไนซ์ เขาก็ติดสติ๊กเกอร์ให้และจัดส่งมาถึงโรงแรม เราเลยประทับใจ เพราะเขาเต็มที่กับเราจริง ๆ ส่วนดนตรีภายในงาน เราได้เพื่อน ๆ วง Superbaker มาเล่น โดยให้เขาดีไซน์เพลย์ลิสต์เอง ตอนแรกผมก็กลัวว่ามีดนตรีสดในงานแล้วจะทำให้ดูโฉ่งฉ่างไปไหม เราเลยปรับให้เป็นแนวอเมริกัน ทอล์คโชว์ พูดสลับกับดนตรีคั่น พิธีการแบบไหนก็คุมโทนดนตรีให้เข้ากัน ได้มู้ดที่แตกต่างแต่ยังเชื่อมโยงครับ
ทุกปัญหา มีทางออก
กว่างานจะออกมาสำเร็จ เราก็ผ่านการแก้ปัญหามาเหมือนกันครับ อย่างเรื่องชุดเจ้าสาว ตองไปเวดดิ้งแฟร์แล้วซื้อแพ็กเกจชุดแต่งงานจากร้านหนึ่งมา พอไปถึงร้าน ชุดที่ตัดออกมากลับไม่เหมือนที่คิด และงานก็ไม่เหมาะกับชุดเจ้าหญิงจ๋า ๆ เลยตัดสินใจเช่าชุดใหม่ในเดือนสุดท้ายก่อนแต่งที่ร้าน 10 by SoL and GRAVITE ซึ่งนำเข้าชุดแบรนด์ต่างประเทศ ราคาสูงหน่อย แต่เราก็ยอม เพราะไม่ทันแล้ว เลยเสียทั้งค่าแพ็กเกจและต้องเช่าชุดใหม่ด้วย ถือเป็นบทเรียนสำหรับเราครับ
งานโรแมนติกดั่งฝัน เก็บทุกโมเมนต์สำคัญครบ
การจัดงานให้คุณแม่และเพื่อน ๆ ของคุณพ่อได้เห็น ถือเป็นโมเมนต์สำคัญในชีวิตที่น่าจดจำ ผมประทับใจบรรยากาศ แสงสวย มีแต่คนชมครับ ทั้งนี้ก็เพราะทีม Hugweddingplanner and Decor ทำให้รู้สึกว่าแต่งงานแบบไม่ต้องกังวลอะไรเลย เขาใส่ใจดูแลทั้งก่อนแต่ง งานเช้า และกลางวัน โดยเฉพาะการออแกไนซ์ที่ทำได้ดี สื่อสารใกล้กันตลอด แก้ปัญหาหน้างานอย่างจัดโต๊ะให้แขกนั่งเพิ่ม เพราะบางท่านไม่ชินกับการจัดเลี้ยงแบบค็อกเทล รวมถึงบรีฟพิธีกรเรื่องชื่อบริษัทของประธานในพิธี ทุกอย่างคมมากครับ
คำแนะนำบ่าว-สาว
เลือกพิธีกรงานแต่งที่มีประสบการณ์ คุมงานอยู่ชัวร์ : แม้บ่าวสาวจะมีเพื่อนเป็นดารา พูดเก่ง กล้าแสดงออก แต่อาจไม่สามารถคุมงานได้ดีเท่าพิธีกรงานแต่งมืออาชีพ ซึ่งใช้เสียงเป็นและมีประสบการณ์มากกว่า
ดูไอเดียจากงานเวดดิ้งต่าง ๆ : การไปงาน Wedding Showcase ของโรงแรมหรือ Wedding Fair จะทำให้เราได้ไอเดียและรายชื่อร้านค้าต่าง ๆ โดยเฉพาะสิ่งที่ควรมองหาก่อนอย่างออแกไนเซอร์ เพื่อช่วยให้คำแนะนำเราและสตาร์ทงานแต่งได้
หากมีเหตุการณ์สูญเสียเกิดขึ้น อาจไม่จำเป็นต้องเลื่อนงานแต่ง : คู่เราเห็นคุณพ่อไม่สบายมาปีกว่า แล้วเราวางแผนจะแต่งงานกัน พอเกิดเรื่องขึ้น จริง ๆ ไม่จำเป็นต้องเลื่อนงาน เพราะคนที่รักเราย่อมอยากเห็นเราเติบโต การแต่งงานจะเป็นหนึ่งในความภูมิใจของท่าน ซึ่งถ้าเราถ่ายทอดสิ่งนี้ไปให้แขกได้สัมผัส ก็สามารถ celebrate ได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ